ตอนที่ 51

by admin

ตอนที่ 51

by admin

by admin

ตายดาบหน้า

สวัสดีทุกท่านวันนี้วันที่ 12 สิงหาคม 2556 เวลา 23.23 น. ก็ตรงกับวันแม่แห่งชาติเป็นวันมหามงคลของชาวไทย  ผมก็ไปเลยครับไปวัด ทำบุญถวายแม่ของแผ่นดินแล้วก็แม่ผม  แต่ไปคนเดียวเนี้ยสิแม่ไม่ได้ไป  เพราะไม่ได้ชวน  ที่ไม่ได้ชวนก็เกรงว่าจะเบื่อเพราะผมไปฟังเทศน์ด้วย  เอาง่ายๆคือไปอยู่ทั้งวันก็ไม่ชวนดีกว่า  เดี๋ยวร้องกลับแล้วจะงานเข้า  ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวความเป็นไปในชีวิตผม ว่าแต่ท่านผู้อ่านก็แปลกผู้เขียนก็แปลกเขียนอะไรก็อ่านไปเรื่อย  พอไม่เล่าก็บ่น  เอ้าต่อ  แม้แต่ในเฟซบุ๊คก็แทบไม่ได้เข้า  งานรัดตัวไปนู้นนี่นั่นตลอด  ขึ้นเหนือล่องใต้ไปอีสาน แหมไปทั่วจริงๆเหมือนจะน่ารวยว่ามั้ย  เงินได้มาแทนที่จะใช้หนี้ใช้สินหรือเป็นทุนทำงานดันมาซ่อมรถซะหนิ  จนโดดแซวว่าชอบซ่อมรถ  มันเป็นความซวยครับ แม่อายสะอื้น  คุ้นๆมั้ยแหมได้งานแม่อายมาแสนกว่าบาทไป3ครั้งรถพัง3ครั้ง  เออซวยแท้  ไปยื่นซองเทอร์โบรั่ว ไปเซนต์สัญญาเกียร์พัง ไปส่งงานเครื่องพัง อ่วมจริงๆแม่อายเล่นซะกูอาย   ความจริงผมเป็นคนประเภทอะไรจะเกิดช่างแม่งขอไปตายเอาดาบหน้า  เรื่องของเรื่องมันอย่างนี้ คือหม้อน้ำรั่วครับตั้งแต่อยู่อยุธยา  ผมมันบ้าทุรังขับไปเพื่อยื่นซองที่กำแพงเพชรขับไปจอดเติมน้ำไป  สุดท้ายไปไม่ทันแหมเซ็ง  

วันนั้นไปกะเจ๊ดาว  ผมกับเจ๊ดาวนี่จะประเภทฉิบหายไม่ว่าขอบ้าไว้ก่อน รู้ว่ารถต้องพังก็ยังทุรังไป ผมกะว่าเออ  นอนกำแพงเพชรซักคืน  เช้าค่อยซ่อมรถ  เลยปรึกษากะเจ๊  เจ๊แกจะเรียกผมว่า ผู้จัดการ  เจ๊บอก ผู้จัดการพี่ว่าไปต่อเลยดีกว่าไปเรื่อยๆค่อยๆไป  แหมผมคิดในใจปกติไม่เห็นมันจะให้ไปเรื่อยๆเลย  ยุยงส่งเสริมให้ผมแข่งกับคันอื่นเรื่อย  ประเภทใครขับจี้ตูดเจ๊ยอมไม่ได้จะยุให้ซิ่ง  เราต้องเป็นผู้นำเสมอห้ามใครแซงซะงั้น  ไอ้ผมก็บ้ายุ มันยุก็สงเคราะห์สนองความมันส์เวลาเหยียบแล้วคันหลังหายไปเลยก็จะเป็นที่พอใจของเราทั้งคู่  แอบจิตหน่อยๆนะเนี้ย  บางทีต่อให้เขาก่อนซัก2ตำบล  จากนั้นก็กวดไปแซง เออบ้าพอกัน วันนั้นเลยเลือกไปตายเอาดาบหน้า  หาได้กลัวเสียตังค์ไม่  สุดท้ายโดนสไลด์จากแม่พริกไปเชียงใหม่  กระเป๋าฉีกกระจุย  วัวก็ลากไม่ไป  เที่ยวนี้วัวลากได้กูทิ้งรถโกยแน่  เพราะอะไรรึ ก็เพราะล่อซะควันขึ้นสตาร์ทไม่ติด  แหมนะล่อให้พังไม่พังไม่จอด  

การมาเชียงใหม่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาแล้วรถเสียระหว่างทาง  จะเรียกว่าครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่รถเสีย  ก็ไม่เป็นไรเงินทองของนอกกายเสียไปก็หาใหม่ได้  ครั้งนี้ผมก็มีโอกาสไปพักบ้านพี่นัน  ณ หางดง   แกชวนนอนหลายครั้งก็ไม่ได้ไปนอนซักที พี่นันเป็นผู้ร่วมรบในสงครามช้างเผือกรุ่น 2  สมัยที่คุยกับผมแรกๆแกก็คุยไปร้องไห้ไป  ทำไมน่ะรึ  ก็ไม่ขอเล่าก็แล้วกัน  เที่ยวนี้เลยจัดให้  บ้านพี่นัน  บ้านแกนี่มีผีมาก  ผมมาทีไรผีมาเยี่ยมทุกที  ผีแต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามมาก  มาทีไรก็จะมาทักทายผมทุกที  ช่วงที่พักอยู่บ้านแก  แหมก็ต้องขอบอกว่าแกดูแลผมอย่างดี  ของกินไม่ขาด ดูแลผมเป็นอย่างดีจริงๆ  มีอยู่วันนึงก็ออกมาทานข้าวนอกบ้านกัน  เป็นร้านอาหารแห่งนึงแถวๆนั้น  วันนั้นเป็นอีกครั้งที่ผมดีใจเป็นที่สุด  วันนั้นกินข้าวไปคุยไป  คุยมาคุยไปแกก็ถามเรื่องการปฏิบัติ  ผมจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร  แต่พอผมจะตอบ  ท่านพ่อก็มายืนอยู่ข้างหลังแก  ท่านมาในชุดพระสงฆ์  ผมถามพี่นันว่า พี่มีอะไรจะคุยกับหลวงพ่อมั้ย   พี่นันแกถามว่าเมื่อไหร่แกจะปฏิบัติได้ซะที  เวลานี้ผมมองหน้าท่านพ่อ  ผมเห็นท่านมองพี่นันสายตาที่ท่านมองพี่นัน  ผมแทบจะปล่อยโฮ  ออกมาตรงนั้น ท่านมองด้วยความเมตตาแบบที่ผมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ว่ามองยังไง  แค่เห็นสายตาท่านมองผมก็แทบจะขาดใจตาย   ท่านพ่อท่านลูบหัวพี่นันแล้วพูดว่าลูกมันดื้อรู้เนี้ยรู้ทุกอย่างแต่ไม่ทำ  จากนั้นท่านแสดงภาพให้ผมเห็น  ภาพที่ท่านให้ดูคือภาพพี่นันไปกราบท่านในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่  มีอยู่ภาพนึงที่ท่านพ่อจ้องมองตาพี่นันอยู่นาน  ผมถามพี่นันว่าพี่เคยจ้องตากับหลวงพ่อมั้ย  แก่ตอบว่าเคย  ผมเล่าให้แกฟังว่าทุกครั้งที่พี่ไปกราบท่าน ท่านสนใจพี่ทุกครั้ง  ท่านจำพี่ได้ทุกครั้งเพราะพี่เป็นลูกที่ดื้อ  สิ่งนึงที่ท่านพูดแล้วทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว  ท่านบอกว่าลูกรัก หากลูกปฏิบัติตามที่พ่อบอกไว้ลูกจะไม่พลาดจากพระนิพพานในชาตินี้

 ผมไม่ไหวจริงๆครับมันจุกลำคอ แน่นพูดไม่ออก  นี่ครับท่านผู้อ่านความรักความเมตตาที่ท่านมีให้ลูกหลานท่านมันมากล้นจริงๆ  ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ผมพบท่านพ่อ  ผมเสียน้ำตาทุกครั้งไปมันตื้นตันในความเมตตาของท่าน  ความรักที่ท่านมีให้ลูกหลานมันหาประมาณมิได้  ความเมตตาที่ท่านมีความต้องการให้ลูกหลานเข้านิพพาน พ้นจากการเกิดพ้นจากทุกข์  แต่ลูกหลานอย่างผมก็ยังโง่ยังเลวยังไม่เอาไหน  ยังหาความดีไม่พบ ต้องให้ท่านพ่อเหนื่อย  แต่ท่านพ่อจะไม่เหนื่อยเปล่า  ลูกหลานท่านพ่อจะไม่ยอมแพ้  แม้วันนี้ยังล่อแล่ๆอยู่ปากอบายภูมิ    จงภูมิใจว่าครั้งนึงเราเคยเกิดเป็นลูกเป็นหลานท่าน ทำให้ได้ไปให้ถึง  หลายครั้งผมกังวลใจ ทุกข์ใจในเรื่องทางโลก สิ่งเดียวที่ทำให้ผมสู้ต่อไปได้คือคำสอนของพ่อที่ว่าด้วย กฏธรรมดา ไม่ว่าผมจะทุกข์เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ต้นเหตุแห่งทุกข์มันมาจากผมเองทั้งสิ้น  มันมาจากการต้องการลงมาเกิด สุดท้ายเราต้องบอกจิตเราบอกใจเราว่าไม่เอาแล้วไม่เกิด คิดแบบนี้บ่อยๆทุกวันให้มันชิน แค่คิดอย่างเดียวไม่พอต้องทำด้วย ทำอย่างไรไม่ขอบอกเพราะบอกไปเยอะแล้ว 

ดราม่าพอและมาต่อเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือเป็นเรื่องกันดีมั้ย  ช่วงเข้าพรรษาก็ปลื้มใจที่พ่อจา คุณครูแห่งหลังสวนชวนบรรดาลูกศิษย์มาพบมากันเป็นฝูง  มาแล้วก็ไม่ให้เสียเที่ยวจัดหนักกันไป   ได้ไปกราบพระกราบท่านปู่กันถ้วนหน้า ลงมายิ้มแย้มแจ่มใสใจสว่างกันไป  ไว้มีโอกาสคงได้เจอกันใหม่วันนั้นเวลาน้อยยังไม่ได้คุยนู้นนี่นั่นกันเท่าที่ควร  อีกทั้งผมก็อดหลับอดนอนเลยหมดสภาพ  กลับมากรุงเทพก็ต้องไปขอนแก่นต่ออีก  พูดถึงขอนแก่นก็ขอเล่าเรื่องแมวให้อ่าน  ที่ให้อ่านไม่ได้จะบอกว่าผู้เล่าเป็นคนดีหรือจะอวดความดี  แต่เล่าเพื่อเป็นตัวอย่างในการให้ความเมตตา กรุณาต่อสัตว์ร่วมโลกและไม่ปล่อยปะละเลยต่อชีวิตของสัตว์  อย่ามองว่าเป็นกรรมของมัน ช่างมัน. วันนั้นผมขับรถออกจากที่พักเข้าถนนมิตรภาพ  ก็มีรถกระบะวิ่งอยู่ข้างหน้าประมาณ50เมตร จู่ๆลูกแมวก็ตกลงมาจากรถกระบะคันหน้าผม  ผมมองมันแล้วลุ้นสุดตัวกลัวมันจะวิ่งไปโดนรถทับแต่ชะตามันยังไม่ถึงคราว  มันวิ่งเข้าข้างทางไป  ขณะนั้นผมมองมันใจนึงอยากจอดรถลงไปดูเพราะอายุมันไม่น่าเกิน2เดือน  อีกใจเกรงว่าเอามันมาจะเป็นภาระ  ต้องหาที่อยู่หรือต้องเลี้ยงมันไว้  ผมตัดสินใจขับเลยไปแต่ใจยังติดอยู่กับมันตลอดทาง  ผมคิดตลอดว่ามันอาจบาดเจ็บอาจไม่รอด  พอมาถึงบ้านน้องก็เล่าเหตุการณ์นี้ให้น้องฟัง  บาสเลยแนะว่าเอามาเลยหาคนเลี้ยงได้  ผมเลยตัดสินใจกลับไปดูที่เกิดเหตุอีกครั้ง  ใจคิดว่าขอให้เจอเถอะ  

ผมเดินหาขับรถวนไปวนมาอยู่3รอบ  รอบสุดท้ายใช้ความรู้สึกแรก  ก็มีความรู้สึกว่ามันต้องอยู่บริเวณนี้  ผมเดินหาจนเจอมันเกาะโคนต้นไม้ข้างทางอาการมันตกใจหวาดกลัว   แหมค่อยโล่งใจเลยพาไปหาหมอตรวจเช็คจนเป็นที่พอใจ  แล้วเอาไปฝากบาสไว้ให้ดูแล  ผมมองดูแมวตัวนั้นแล้วนึกถึงตัวผมเองว่าหากผมเป็นมันผมก็ต้องการคนช่วยเหลือเช่นกัน  ผมคงตกใจและหวาดกลัวไม่น้อยไปกว่ามัน  วันนั้นก็เสียเงินค่าตรวจค่ากรงค่ายาไป สี่ร้อยกว่าบาท  กับชีวิตแมวตัวนึง  ก็ผ่านไปกับเรื่องแมว  ท่านผู้อ่านทุกท่านหากเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา  ไม่ปล่อยเลยตามเลย  ไม่อ้างกรรมส่งเดช  เราก็สามารถช่วยชีวิตได้ทั้งคนและสัตว์   

มีท่านผู้อ่านหลายคนมักถามผมในเรื่องต่างๆที่เป็นความทุกข์ใจ  ไม่สบายใจต้องการให้ผมช่วยเหลือ  ต้องการให้ผมใช้ญานดูอะไรต่างๆให้  ผมเข้าใจดีครับนั้นแหละความทุกข์  ผมเจอทุกข์มามากจริงๆมากจนชาชินไปหมด  จิตใจผมมีความแข็งแกร่งขึ้นมากจนมองปัญหาพวกท่านเป็นปัญหาเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมผ่านมา  ให้คิดแบบนี้นะ  ทุกอย่างมีเกิดขึ้น  ตั้งอยู่แล้วดับไป  เหมือนดวงอาทิตย์ตอนเช้าก็ส่องแสงสว่างกำลังพอดีให้เรามองเห็นอะไรได้  กลางวันก็แรงหน่อยอาจจะร้อนไปบ้าง แต่เราก็รู้ว่ามันจะร้อนไม่นาน  ตอนค่ำก็เย็นสบายแต่อาจกังวลกับความมืดไปบ้างและเราก็รู้ว่าไม่ว่าจะอย่างไรพระอาทิตย์ก็ยังจะต้องขึ้น  มันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ  ทีนี้เราก็รู้แล้วว่ายังไงมันก็จะมีความมืดมาเยือนเราอีกแล้วมันก็จะสว่างขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น  ความกังวลมันก็จะคลายตัวเพราะเราคุ้นเคยกับมันแล้วอยู่ร่วมกับมันมาตลอด  

บางคนทุกข์ใจเรื่องแฟน  ต้องพลัดพรากจากกัน  เลิกรากันไป  อาจจะเพราะไปกันไม่รอดหรืออาจนอกใจไปมีคนอื่น  มีหลายคนครับถามผมเยอะมากว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ย  เค้ารักเราจริงมั้ย ที่สำคัญคือมันจะต้องถามเหมือนกันหมดว่าจะมีคนใหม่มาเมื่อไหร่  นี่ถ้าคนถามมันอยู่ใกล้ๆก็ต้องขอตบกะโหลกให้สมองไหล  เมื่อกี้มึงยังทุกข์ใจโดนแฟนทิ้งจะเป็นจะตายไม่ถึงนาทีมึงถามว่าคนใหม่จะมาเมื่อไหร่  เออเอากะมันไอ้เราก็งง มันรักกันแบบไหนวะ  คนพวกนี้รักกันแบบไหน  เอาง่ายๆนะผมว่ามันรักตัวเองมากกว่า  กลัวตัวเองจะทุกข์ แต่ถ้าเรารักจริงๆเนี้ย  ถ้าคนที่เรารักเขาทิ้งเราไปแล้วเขาไปเจอคนที่ดูแลดีกว่าเรา  แล้วคนที่เรารักเขามีความสุขก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ  ควรจะยินดีเสียด้วยซ้ำ  ในเมื่อใจเขาไม่ได้อยู่กับเรา  มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร  พูดเหมือนง่ายครับ  ผมรู้ว่าไม่ง่ายแต่ผมเคยทำได้แล้วและผ่านเรื่องแบบนั้นมาแล้ว  ท่านก็จะทำได้อย่างผมแล้วผ่านมันไปได้อย่างผม  เมื่อผ่านมาแล้วมองย้อนกลับไป  เราจะเข้าใจโลก  เข้าใจอะไรต่างๆมากขึ้น   

บางคนป่วยเป็นโรคประจำตัวอะไรต่างๆ  ก็ทุกข์อันนี้เป็นปกติของคนป่วย  ร่างกายป่วยก็เป็นเรื่องของร่างกายไป  อย่าให้ใจทุกข์  กายทุกข์ใจสุขทำได้มั้ย  ยากใช่มั้ย  ความจริงไม่ยากหากเรายอมรับมัน  อยู่ร่วมกับมัน  คุยกันสิ เอางี้นะวันนี้มึงทำกูเจ็บนิดๆหน่อยๆพอ  พรุ่งนี้มึงทำให้มันเจ็บจนชาเลยได้มั้ย  หรือวันนี้กูเบื่อๆมึงมาทำให้กูความดันต่ำหน่อย  วันนี้กูอยากถอดกายในมึงช่วยทำให้กูเวียนหัวคลื้นไส้ได้มั้ย  กูจะได้เบื่อร่างกายตัดร่างกายไปเต็มกำลังได้  อย่างผมหัวใจเต็นอ่อนก็บอกมันว่าวันนี้มึงหยุดเต้นได้มั้ยกูเห็นมึงไม่เคยพักเลย  พักซักวันมั้ย  แน่ะมันไม่ฟังเราเห็นมั้ย  เวลาเราไม่ต้องการมัน  มันมักต้องการเรา  พอเราต้องการมัน  มันหยิ่งไม่สนใจเรา  เราก็เอาคืนนะ  วันไหนมันสนใจเรา  เราก็ไม่สนใจมัน  ลองดูว่าใครมันจะหยิ่งกว่ากัน  

บางท่านตกงานไม่มีงานทำ  ผมก็เคยไม่มีงาน  ทำไงรู้มั้ย  ผมมองดูหมา ดูแมว แล้วก็คิดว่าดีเนอะพวกมึง  เกิดมาไม่ต้องทำงาน  แต่มันก็อยู่กันได้  มีชีวิตอยู่ได้  แม้ไม่มีเงิน  แหมเกิดเป็นหมานี่สบายไม่ต้องทำงาน  ไม่ต้องหาเงิน  ขี้ที่ไหนก็ได้  ฉี่ที่ไหนก็ได้  เกิดเป็นหมานี่สบายจริงๆ  อย่างหมาผม  นอนก็นอนห้องแอร์  หิวก็เดินมาเอาตีนเขี่ยๆมองหน้าแลบลิ้น  ก็ต้องหาอะไรให้มันกิน  วันๆไม่ทำอะไร ตื่นเช้ามาวิ่งเล่นกลางวันนอน มีเห่าบ้างเวลาคนผ่านไปผ่านมา เย็นๆไปเดินเล่น ค่ำๆนอนดูทีวีอ้าขาให้ลูบไข่  เออสบายมั้ยล่ะ  มองมันแล้วมองดูตัวเราก็คิดว่า  ทำไมกูไม่มาเกิดเป็นหมาบ้าง   ผมคิดแบบนี้มันก็เบาใจ  เออหมาอยู่ได้กูก็อยู่ได้  บางครั้งเราก็หลงไปกับสิ่งต่างๆรอบตัวเรา  เมื่อก่อนไม่มีเฟซบุ๊คก็อยู่กันได้  เดี๋ยวนี้ไม่ได้เข้าไปเล่นวันนึงมันหงุดหงิดเหมือนชีวิตขาดอะไร  แปลกมั้ยล่ะ  มันแปลกนะเดี๋ยวนี้ผมเอาเวลาว่างไปเปิดเสียงท่านพ่อ  นึกขึ้นได้ก็ว่า สัมปจิตฉามิ  บางทีก็ปราโมทย์ๆ  บ้างก็จับภาพพระแล้วว่าปราโมทย์ๆ  บ้างก็ เข้ารู้  ออกรู้  จับลมรู้ลม  ดีกว่าไปเสือกเรื่องชาวบ้าน  คนนั้นเป็นผัวคนนี้  คนนี้แย่งผัวคนนั้น  คนโน้นเป็นอย่างนี้  คนนี้เป็นอย่างนั้น  รู้เรื่องชาวบ้านไปซะหมดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่รู้คือ เรื่องตัวเอง  ประเภทนี้ก็น่าหนักใจ   บางคนก็พูดเรื่องการเมือง ด่าคนนั้น ว่าคนนี้  แต่ไม่มองตัวเองว่าทำอะไรเพื่อส่วนรวม  เพื่อสังคม  เพื่อชาติบ้าง  

พวกเราทุกคนที่ต้องการไม่เกิด  เรื่องพวกนี้ไม่เหมาะกับเรา  อย่าประมาท  มองทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา  ภาระหน้าที่หนักๆของเรามันหมดแล้ว  หากชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายก็หมั่นรักษาความดีในศีลให้ทรงตัว  พรหมวิหารให้ชิน  ยอมรับกฏแห่งกรรม  กฏธรรมดา  นักปฏิบัติจริงๆเขาไม่ยุ่งหรอกนะเรื่องชาวบ้าน  เขายุ่งแต่เรื่องตัวเอง  ว่าตัวเราต้องขัดเกลาอะไรบ้าง  ใจเรายังมีโลภ โกรธ หลง มากมั้ย  ศีลข้อไหนเราคิดว่ายังยากบ้าง  ความจริงมันไม่มีอะไรยาก  หากเราเอาจริง  ที่บ่นว่ายากคือเรายังไม่เอาจริง  วันนี้ลองคิดทบทวนย้อนกลับไปนะว่า  เรานึกถึงความตายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่  เราผิดศีลครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่  เราสวดมนต์ไหว้พระครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่   นึกออกกันมั้ยล่ะ  

เผลอแป๊บเดียวจะครบปีแล้วสำหรับเวปมโนมยิทธิ  ผมดีใจที่มีผู้สนใจเข้ามาอ่านมากมาย  ดีใจที่ผมเป็นส่วนนึงที่ทำให้ผู้อ่านเข้าถึงคำสอนพระพุทธเจ้า  ได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็โคตรมาก  ผมสุขใจที่ทำให้หลายคนไปฝึกกรรมฐาน  ไม่ว่าจะอยากทำได้อย่างผม หรืออยากไปนิพพาน  หรืออยากลองดู  มันก็เป็นสิ่งดีทั้งสิ้น   มุสลิมหลายคนไปกราบพระก็เพราะมีผมเป็นตัวอย่าง  เอออ่านแล้วดูแปลกๆ  มุสลิมหลายคนอ่านแล้วไปฝึกกรรมฐาน  อันนี้อ่านแล้วแปลกใหญ่  ดีใจครับที่ผมเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติ  อะไรดีก็ลอกไป  ไม่ดีก็อย่าเอาไป  ผมไม่สนว่าใครจะชม  จะด่าผม  ช่างแม่งเรื่องของคนด่า  คนชมก็ช่างมันเรื่องของคนชม  แต่ไม่แน่ใจว่าช่างแม่งได้จริงๆมั้ยถ้าด่าต่อหน้า  อาจโดนตบบ้องหูก็เป็นได้  หรือชมต่อหน้าอาจโดดหอมแก้มเข้าให้  เอ๊ยังไง  นี่ยังไม่อยากจบนะเที่ยวนี้หายไปนานก็ว่าจะร่ายยาวๆ  อ่านกันให้ตาแฉะดีมั้ยรึไม่ดี   มีคนเขาบอกว่าเขาเป็นแฟนคลับ  ตามอ่านตลอด  ที่ว่าตามอ่านตลอดนี่ได้ทำตามบ้างมั้ยไม่รู้   หรืออ่านอย่างเดียวเพลินๆ  ช่างเถอะเรื่องของท่าน  ส่วนผมมีหน้าที่เล่าก็เล่าไป   ไว้ว่างๆอารมณ์ดีๆก็จะมาเล่าให้อ่าน  ช่วงนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เหวี่ยงๆหงุดหงิดง่าย  คล้ายจะวัยทองมองอะไรขวางหูขวางตาไปหมด  ผมว่าหลายท่านอาจเป็นอย่างผม  หงุดหงิดง่ายนี่เป็นบ่อยเพราะอะไรก็เพราะเหนื่อยง่าย  หายใจสั้น  วิธีแก้ทำไงรู้มั้ย  ก็หงุดหงิดเสียให้เหนื่อยเดี๋ยวหายเอง  เออดีมั้ยเรื่องหงุดหงิดก็พักไว้ เล่าไปก็ไม่เกิดประโยชน์  แก้ง่ายนิดเดียว  พอรู้ว่าไม่พอใจหงุดหงิดก็ให้คิดว่าเราเลวขึ้นแล้ว  ตลกดีนะตอนนี้ผมนี่โคตรเลวเลยเพราะหงุดหงิดบ่อย  

เกือบลืมมีควันหลงเรื่องวัวธนูมาส่งท้ายเรื่องเล่าในตอนนี้ครับ  อีตอนก่อนเข้าพรรษาพี่สาวผมได้บูชาวัวธนูไป  แหมแกถามผมซะเยอะเลยว่าต้องให้หญ้าทุกวันมั้ย  น้ำล่ะ  ไว้ห้องพระได้มั้ย  ใส่กระเป๋าได้มั้ย  ความจริงเนี้ยได้หมดครับ  ไอ้วัวนี่มันก็ไม่ได้ไปนอนในกระเป๋าเรานะ  เรื่องมีอยู่ว่าพอแกบูชาไป  วันรุ่งขึ้นแกก็ไปใต้กับครอบครัวพร้อมลูกๆ   พี่สาวผมก็เอาวัวติดไปด้วย แหมลูกแกนี่สิอยู่ๆพูดขึ้นมาว่า วัวๆๆๆ  อ้าวแม่มันก็งง  ไหนลูกไหน  ลูกชี้มือไปหน้ารถบอก วัวๆๆๆ  พี่ผมนึกขึ้นได้ว่ามีวัวธนูในกระเป๋าก็หลอนกันไป  ลูกเห็นแม่ไม่เห็น  ถ้าแม่อยากเห็นต้องฝึกทิพจักขุญานเห็นแน่นอน   แหมอีตอนรถผมเสียนี่มันมายืนอย่างกะกวางซานต้ารอลากรถ    เอ้าวันนี้ชักจะยาวก็ขอจบเรื่องเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้สวัสดี…..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top