ตอนที่ 60

by admin

ตอนที่ 60

by admin

by admin

โดนซะเอง

สวัสดีท่านผู้อ่านวันนี้วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557  สำหรับวันนี้เป็นวันศุกร์แห่งชาติรถติดอลังการแท้  ห่างหายไปนานร่วมเดือนที่หายนี่มันมีที่มาที่ไปหลายอย่าง  หายไปทำงานบ้าง ไปเที่ยวบ้าง  ไปเรียนบ้างและก็ป่วยบ้าง  ไอ้ป่วยนี่ก็นะมันไม่ปกติเพราะถ้าปกติมันต้องหายแต่มันไม่หายอีกทั้งยังหนักกว่าเดิมอีก  หลังจากจบทริปตามชักกี้กลับบ้านนี่ผมก็แทบกลับบ้านเก่าเช่นกัน  การเข้าไปยุ่งกับสิ่งที่มองไม่เห็นหรือกฏแห่งกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่อันนี้ผมต้องคิดให้จงหนักจากนี้ไปเพราะหากช่วยส่งเดชนี่ไม่รอดแน่

อาการป่วยของผมเริ่มเกิดขึ้นจากการที่ผมไปดึงเอาอาการป่วยของท่านที่มาร่วมทริปเดิมทีนี่ไม่รู้ตัวว่าป่วยคิดว่าตัวเองเหนื่อย  เพราะปกติจบทริปก็จะเพลียเป็นปกติ  ความผิดปกติเริ่มขึ้นหลังจากผ่านไปราวๆอาทิตย์นึง  ผมมีอาการใจสั่นหวิวๆคล้ายรอผลสอบ  แรกๆไม่ได้คิดอะไรก็คิดว่าเออเหนื่อยเดี๋ยวก็หาย   ไปๆมาๆชักหนักขึ้นจับภาพพระไม่ได้  ขึ้นพระนิพพานไม่ได้  ใช้ญานไม่ได้  อันนี้ชักแย่ว่าเป็นอะไรแน่ก็คิดย้อนกลับไปว่าอีตอนนั้นผมพลาดอะไรไปทำไมอาการใจสั่นของคนที่ผมช่วยมันมาเกิดกับผม  วันนั้นช่วงสุดท้ายของทริปมีการแจกแผ่นซีดีและหนังสือให้กับผู้ที่ร่วมทริป  แต่ละคนทยอยกันต่อแถวเข้ามาลาผม  จำได้ว่าพอมาถึงคิวคนที่ผมดึงอาการนี่ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องช่วย  ด้วยความที่อยากจะช่วยก็ลืมใช้คาถาอุดทวารทั้ง9ก่อนดึง  การดึงอาการป่วยนี่มันเป็นความสามารถอีกอย่างของผมที่ทำได้  ก็แค่ดึงมันออกมาเข้าไว้ในแขนแล้วปล่อยลงดินไป  อันนี้เป็นกำลังจิตบอกกันอะไรซักอย่าง  เอาเป็นว่าผมแค่นึกให้มันออกไปให้หายนั่นแหละ  ทีนี้อีตอนดึงออกมาไว้ในแขน  ก็รู้ตัวนะครับว่ามันยังออกไปไม่หมด  แต่ด้วยความที่หมดแรงก็คิดว่างั้นมึงอยู่ในแขนกูไปก่อนเดี๋ยวค่อยเอาออกไป  จากนั้นก็ดึงคนต่อไป  ตอนดึงออกนี่ยอมรับว่าหมดกำลังจริงๆมันใช้กำลังเยอะพอสมควร  ทีนี้พอจะเอาออกก็หมดแรงเสีย  กะว่ามีแรงค่อยว่ากัน

ผมใจสั่นอยู่หลายวันภาพพระก็จับไม่ได้  ก็พยายามจะเอามันออกพอตั้งจิตปั๊บใจสั่นทันที  ก็คิดว่าเออมึงสั่นได้สั่นไปช่างมัน  แต่มันไม่ใช่แค่นั้นครับ  ผมเริ่มอารมณ์แปรปรวน  โมโหง่าย  หงุดหงิด  บางครั้งซึมเศร้า  นั่งเหมอลอย  ร้องไห้  อยากตาย  เออกูเป็นอะไร  ทั้งๆที่ผมไม่ได้มีปัญหาใดๆในชีวิต  มีอยู่วันนึง  วันนั้นขับรถไปจอดในลานจอดรถของโรงหนัง  แล้วผมก็นั่งในรถเฉยๆดับเครื่องตามองตรงไปข้างหน้า  บางทีก็มองรถผ่านไปมา  แล้วร้องไห้  เออชักเพี้ยนๆก็ดูอาการตัวเองว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ชักไม่ได้ละปล่อยไว้นานไม่ดีแน่  ทุกครั้งที่คิดได้ก็จะจับภาพพระ  แต่พระไม่มา  อันนี้หนักทำยังไงดี  ก็ขับรถกลับบ้านมาถึงบ้านผมรู้สึกว่าอยากอาเจียน  แล้วรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังบังคับใจเรา  มันไม่เป็นตัวเอง   ผมโทรหาน้องที่อยู่อีกห้องนึงขอให้เอาพระมาให้ผมกำไว้หน่อย  กะว่าไม่รอดแน่  มันอึดอัดก็คิดว่าจะทิ้งร่างกายหนีไปข้างบน  แต่มันไปไม่ได้  ผมได้แต่กำพระไว้แล้ววิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ  มันไม่มีอะไรออกมาเลยครับนอกจากลมอ๊วกออกมาเป็นลม  น้องเห็นท่าไม่ดีบอกผมว่ามีพระหลวงปู่ปานอยู่เดี๋ยวขูดผงให้กินผสมน้ำ  ผมพยักหน้ารับ  เวลานั้นนอนที่พื้นห้องน้ำ  มือเกาะชักโครก  อ๊วกออกมามีแต่ลม  บาสกลับมาพร้อมกับน้ำที่ผสมผงอะไรบางอย่างที่อยู่กับพระหลวงปู่ปาน  น้องส่งแก้วให้ผม  ผมนึกถึงพระแล้วกินหมดแก้ว  

ไม่น่าเชื่อครับว่าไอ้ที่จะเป็นจะตายเมื่อกี้มันหายทันที  หยุดอ๊วกหายคลื้นไส้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผมรู้สึกว่ากินไปแล้วหายเลยก็แปลกดีน้องผมก็งง  ผมก็งง  ว่าทำไมหายง่ายจัง  แต่ก็คงเป็นเพราะพุทธบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับโพธิบารมีของหลวงปู่ปาน  แต่นั่นยังไม่จบแค่นั้น  หลังจากอาการดีขึ้นผมก็พอจะจับภาพพระได้บ้างเป็นบางครั้งแต่ก็ไม่ให้โอกาสผ่านเลยไปผมขึ้นไปถามข้างบนก็ยาวโดนยาว  แหมนะก็มันประมาท  ความประมาทมันก็ทำให้เราขาดสติ  ผมกลับลงมาพร้อมกับบทเรียนที่จากนี้ต้องไม่พลาดอีก   หลังจากนั้นก็เข้าใจไปเองว่าคงหายแล้ว  แต่พอจะเอาส่วนที่เหลือค้างออกทีไรใจสั่นทุกที  ไม่ได้สั่นตลอดเหมือนก่อนหน้านี้  จนมาถึงวันนึงผมไปต่างจังหวัดแล้วนอนโรงแรมชั้น 8 วันนั้นช่วงใกล้ค่ำ ก็ออกมาดูวิวที่ระเบียง  มันมีความคิดแบบแปลกๆอยากจะกระโดดลงมาจากระเบียงนี่สิ  อยากจะรู้ว่าตกลงไปจะเป็นยังไง  เออกูหนิก็ช่างคิดแต่มันเหมือนไม่ใช่ตัวเรา  ตรงนี้ที่น่ากลัวหลังจากกลับมาจากต่างจังหวัดผมคิดว่าต้องจัดการกับตัวเองได้แล้วปล่อยมันไว้นานเกินไป  

ผมก็ตัดสินใจไปพังงาไปหาน้าผมที่เป็นมุสลิม  การไปครั้งนี้ผมระมัดระวังพอสมควรกลัวน้าจะรู้เรื่องต่างๆของผม  น้าผมคนนี้ไม่ธรรมดาก็กลัวจะโดนส่องผมก็พยายามทรงอารมณ์ไว้  ไม่คิดฟุ้งซ่านเรียกว่าทรงฌานรึเปล่าไม่แน่ใจเอาเป็นว่าทั้งวันที่อยู่กับน้าผมรู้ลมหายใจตัวเองตลอด  ด้วยความกลัวว่าจะโดนล้วงความลับ  เพราะคนประเภทผมนี่เรียกว่าพวกตกศาสนาในหมู่มุสลิม   ผมเล่าเรื่องที่ผมดึงอาการป่วยให้น้าฟัง  แกก็พูดเหมือนข้างบนพูดกับผม  แล้วแกก็หัวเราะบอกผมว่า  บอลเวลาบอลจะเอามันออกเนี้ยจิตมันอ่อนแอไม่มีกำลัง  มันอยู่ที่ข้อศอกบอลพอไล่ออกมันก็วิ่งไปที่ใจ  เลยทำให้ใจสั่นใจฝ่อใช่มั้ยล่ะ  แหมแกพูดถูกทุกอย่างจริงๆ  น้าแกเรียกสิ่งนี้ว่าญิน  หรือว่าผีนั่นแหละ  ไอ้ตรงนี้ผมรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นผีผู้หญิง  การไปพบน้าครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ  ผมไม่ได้พบแกมา6ปี  ครั้งนี้แกสอนหลายๆหลายๆอย่างกับผม  แกเอานิ้ววางบนแขนผมแล้วท่องคาถา  ผมสัมผัสได้ทันทีว่าสิ่งที่น้าท่องทำให้บางอย่างที่อยู่ในแขนผมมันเคลื่อนออกไปที่ปลายมือ  ง่ายแท้  ไอ้เราทำตั้งนานไม่ออก  น้าทำไม่ถึงนาทีหายไปเลย  แหมนะมาแล้วไม่ให้เสียเที่ยว  ผมเรียนวิชาอาคมต่างๆกลับมาเพียบ  ทั้งหมดเป็นวิชาอิสลาม  การถอนของ  การดานคุณไสยลงไข่ไก่  การแก้หุ่นฝังรูปฝังรอย  การผูกจิตดึงจิตสามีภรรยา  การซื้อที่กับผี  การทำให้ขายทีให้ได้ไวๆ  เออเยอะแท้เรียกว่ากลับมานี่เปิดสำนักได้เลย  ก่อนกลับแกบอกว่าบอลตอนนี้บอลไปไกลแล้วนะที่บอลได้นี่รักษาไว้ให้ดี  แหมไอ้เราชักเสียวว่าแกจะทักเรื่องผิดหลักศาสนารึเปล่า  แกแนะผมหลายเรื่องรวมถึงเรื่องศาสนา  ผมก็เคลิ้มๆไปทางมุสลิมเออนะ  เอาเป็นว่าไปใต้เที่ยวนี้เกินคุ้ม  ผมว่าบางทีผมโชคดีเหมือนกันที่เป็นมุสลิมมาก่อน  วิชาทางมุสลิมนี่ไม่ธรรมดา  เรียกว่าแรงใช้ได้

ผมกลับกรุงเทพพร้อมกับพลังจิตที่เข็มแข็งขึ้น  มั่นใจเหมือนเดิมจิตมีกำลังมากรู้ว่าต่อไปการยุ่งกับเรื่องพวกนี้ต้องไม่ประมาทอย่างที่น้าบอก  มีเทวดาองค์นึงที่พูดเหมือนน้าในเรื่องนี้  ท่านเป็นอินทกะท่านว่าต่อจากนี้ไปหากคุณจะทำเรื่องประเภทนี้ให้นึกถึงผม  ผมจะมาช่วยแต่วันนั้นท่านพูดเยอะแถมบ่นปนดุก็ทำมึนๆใส่  แต่ก็คิดว่าต่อไปคงต้องให้ท่านช่วยดูแล   มีอีกสิ่งที่ผมต้องบอกท่านผู้อ่านคือ  พระหลวงปู่ปานศักดิ์สิทธิหนัก  เมื่อก่อนผมไม่สนใจพระเครื่องเลยจริงๆ  มาเจอกับตัวเองเลยต้องยอมรับว่าพระหลวงปู่ปานนี่ต้องมีไว้ซักองค์  แม้ราคาจะสูงแต่คุ้มแน่  กับอีกอย่างคือมีดหมอ  ผมหามาจนได้มีดหมอหลวงพ่อ  เอาแค่จับเท่านั้นแหละสัมผัสได้ว่าแรงด้วยพุทธานุภาพ  

วันนั้นผมขับรถไปรับที่ราชบุรี นัดกับคนที่เอามาขายแถวตลาดนัด ผมสำรวจมีดหมอแล้วก็คิดว่ามันดูยังไงวะแท้ไม่แท้เนี้ยก็ดึงมีดออกจากฝัก พอดึงออกมาผมขนหัวลุกมีอาการวูบวาบลมพัดแรง. มีเทวดา4องค์มายืนอยู่ผมมองท่านแต่ยังไม่ทันพูดอะไร ท่านถามผมว่า “แท้มั้ยล่ะคุณ” นั่นมั้ยเอาเข้านั่นไอ้เราก็งงๆคงแท้ล่ะมั้งจะจ่ายเงินสองหมื่นกว่านี่ได้ของปลอมมาก็โง่เต็มที มีดหลวงพ่อนี่ผมมีด้ามฤาษีด้วยนะครับแต่ด้ามฤาษีนี่ผมจับแล้วเฉยๆไม่มีความรู้สึกเหมือนด้ามงา ก็แปลกดีอันนี้ก็ขอผ่านไปเรื่องมีดหมอ

วันที่1-2มี.ค ก็คงได้พิสูจน์กันว่าทริปนี้ผีหรือผมจะอยู่รึไป วิชาไล่ญินอิสลามจะแรงสมคำร่ำลือมั้ย อาคมบทใหม่ที่เรียนมาจะถอนคุณไสยได้มั้ยต้องติดตาม วันนี้ก็ขอจบเรื่องเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้ สวัสดี…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top