คนที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ อันดับแรกก็ต้องเป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์

by admin

คนที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ อันดับแรกก็ต้องเป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์

by admin

by admin

คนที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ อันดับแรกก็ต้องเป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ และนอกจากนี้ก็
ทรงอารมณ์สมาธิให้ตั้งมั่น มีปัญญารู้เท่าทันสภาวะตามความเป็นจริง
เราก็มานั่งคิด ทำไม
ศีลของเราจึงจะบริสุทธิ์ ความจริงนักปฏิบัติมักจะสนใจผิด คิดว่าการเจริญพระกรรมฐานนั้น
จะต้องนั่งหลับตากันท่าเดียวมันจึงจะมีผล ถ้าหากว่าเป็นการฝึกด้าน สุกขวิปัสสโก 

สุกขวิปัสสโก นี้ ความจริงจะไม่นั่งหลับตาเลยก็ใช้ได้ มันขึ้นกับอารมณ์ใจ
ศีลของเราจะบริสุทธิ์ได้ก็อาศัยเรามีสมาธิ 
สมาธิจะทรงตัวได้ก็เพราะอาศัยศีลบริสุทธิ์ 
เป็นอันว่า อะไรเป็นเหตุเป็นผลกัน ฉะนั้นถ้าเราจะถือเหตุจริง ๆ ก็ต้องถือปัญญา คนใด
ถ้าเป็นคนไร้ปัญญา คนนั้นหาศีลไม่ได้ และคนใดไร้ศีล บุคคลนั้นก็จะมีสมาธิไม่ได้

๑. ทรงศีลให้บริสุทธิ์ 
๒. เราจะรักษาศีลประเภทไหนก็ดูศีลของเรา ถ้าพระ เณรถ้าพระรักษาได้แค่ศีล ๕
ลงอเวจีทุกองค์ เณรรักษาได้แค่ศีล ๕ ลงอเวจีทุกองค์ และก็ถ้าญาติโยมพุทธบริษัททรงศีล ๕
ปกติ อันนี้ไม่ลงนรก ไม่ไปเกิดในอเวจี ทั้งนี้เพราะอะไร
ก็เพราะว่า พระถ้ารักษาแค่ศีล ๕ หรือ เณรรักษาแค่ศีล ๕ จะมาห่มผ้าเหลืองอยู่ทำไม มันก็
มีความดีเท่าฆราวาส มานั่งหลอกลวงชาวบ้าน อันนี้ไม่ถูกต้อง พระจะต้องศึกษาสิกขาบทของ
พระให้ครบถ้วน และก็ต้องดูอภิสมาจาร ดูธรรมะบางส่วนที่มันเป็นโทษ เพราะพระจะปฏิบัติ
เท่าฆราวาสไม่ได้ โทษหนักกว่ากัน

สำหรับบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกท่าน ให้ถือศีล ๕ เป็นแก่นสำคัญ แต่บางท่านถือว่า
รักษาศีล ๘ และ ฉันไม่ต้องการรักษาศีล ๕ อันนี้ลงนรก และก็มีหลายท่านที่สมาทานอุโบสถศีล
แล้ว แต่เผอิญในกาลนอกเวลา สมมุติว่าเขามาถวายผ้าป่ากฐินสังฆทาน นอกเวลาไป พระ
ต้องให้ศีล ๕ พอพระว่าไตรสรณคมน์เสร็จ พอจะให้ศีล ๕ วางมือ ไม่แสดงทำความเคารพ
อันนี้ลงนรกเหมือนกัน เป็นการปรามาสในพระไตรสรณคมน์ คือปรามาสในพระพุทธเจ้า
การว่าตามเขามันไม่ใช่ของแปลก การสมาทานศีลนี่ก็แค่ศึกษายังไม่ใช่ตัวปฏิบัติ เรามี
อุโบสถศีล เขาให้ศีล ๕ เราก็ว่าตามได้ 

การว่าตาม ให้ว่าด้วยการยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า คือว่าศีลนี่พระพุทธเจ้าว่า ศีล ๕ เราได้
มาจากพระพุทธเจ้า เป็นพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์
นำมาให้เรา จิตใจเราครบถ้วนพระไตรสรณคมน์ และเวลาปฏิบัติจริง ๆ เราปฏิบัติในสิกขาบท
มันไม่เสียหายอะไร
มีญาติโยมเมืองน่านมาบอกว่า
เวลาเขารักษาอุโบสถศีล เวลาให้ศีล ๕ เขาเอามือลง
อันนี้ไปเป็นมานะทิฎฐิถือตัวถือตน เป็นกิเลสที่หยาบหนัก และก็เป็นการปรามาสในพระไตร-
สรณคมน์ อันนี้เวลาเจริญกรรมฐานไปดูคนพวกนี้นะ ครูนำไปดูคนพวกนี้ว่าในนรกเกลื่อน เข้าใจ
ว่าตนดี

การรักษาศีลของบรรดาท่านพุทธบริษัท เขาเลือกทำลายพาลกัน พาลตัวแรกมันจะ
ไม่ยอมให้เรารักษาศีล เราก็เก็บความเป็นพาลในใจของเราเสีย เข้ามารักษาศีลให้ครบถ้วน
การรักษาศีลนี่เขารักษากันอย่างนี้คือ
๑. ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง 
๒. ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นทำลายศีล และก็ 
๓. ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำลายศีลแล้ว 


อันนี้เป็นพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วนะ ในอุทุมพริกสูตร
การรักษาศีลของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าต้องดูตามกำลัง พระพุทธเจ้า
ท่านไม่มีการเครียด ท่านปฏิบัติตามความเหมาะสม ถ้าไม่ดีแต่งอย่างนั้นไม่ได้ก็ต้องดู นางวิสาขา
นางวิสาขาท่านมี เครื่องมหาลดาปสาธน์ ราคา ๑๖ โกฏิ เสื้อตัวนี้เป็นทองคำล้วน ส่วนใดที่เป็น
ด้ายก็ใช้เงินแทนด้าย ประดับเฉพาะแก้วมณี ๒๐ ทะนาน มีแก้วอื่นมากกว่านั้นนะ คือตั้งแต่
ข้อเท้าจนถึงนกยูงรำแพนบนหัว ราคาขนาดนั้น แต่นางวิสาขาทรงเครื่องนี้ตลอดเวลา พระพุทธเจ้า
ท่านก็ไม่เคยคิดว่าเลยใช่ไหม จะถือว่าเขาแต่งเกินไปไม่ได้ เพราะเขามีอย่างนั้น และเวลาเรา
เข้าสังคมก็เหมือนกันปล่อยหน้าเซียว ๆ เข้าไปเดี๋ยวเขาหาว่าผีโขมดเข้ามา เดี๋ยวก็จะยุ่งกัน
เราก็แต่งตามเขานะ แต่ว่าอยู่บ้านเราก็ไม่ได้สนใจเกินไป เราก็ใช้แป้งทาหน้าบ้าง ทาได้ ทา
เฉพาะความเหมาะสมอยู่เป็นสุข ใช่ไหม ไม่ไปอวดใครเพื่อกิเลสอันนี้ไม่ถือ ต้องดูแค่พอดี ๆ นะ
คือเรื่องของพระพุทธเจ้านี่ท่านไม่มีอะไรเครียด มีแต่พอดี 



ที่มา : โอวาทหลวงพ่อเล่ม ๓http://www.sitluangpor.com/ovat/ovat_3/ovat3.html

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top