ตอนที่ 46

by admin

ตอนที่ 46

by admin

by admin

อีกครั้ง

วันนี้วันที่ 2 เมษายน  2556 ตอนนี้ก็5ทุ่มครึ่งครับ เกรงว่าจะจำไม่ได้เลยจะเล่าให้อ่านเสียดีกว่า ความจำเริ่มป่วยจำได้มั่งไม่ได้มั่ง นี่ผมเริ่มเข้าวัยกลางคนเอง สาวๆยังมองนี่ถือว่ายังไม่แก่  ความแก่นี่เป็นเรื่องธรรมดา  ธรรมชาติ  มันไม่หนุ่มตลอดกาลตลอดสมัยใช่มั้ย เอออันนี้มันคิดได้แบบนี้มันก็มีความสุข กายแก่แต่ใจหนุ่ม  ชักนอกเรื่องนอกราว  มาเข้าเรื่องดีกว่า  ผมมองย้อนกลับไปนี่ก็คิดนะว่าเออเรานี่มันบ้าหรือเปล่า เพี้ยนหรือเปล่า อันนี้มันคิดทุกครั้งที่มองย้อนกลับไป  

สอนคนอื่นมาก็มาก ทั้งดึง ทั้งชาร์ต สารพัดวิธีที่จะใช้เพื่อให้คนที่มาฝึกนั้นฝึกได้  ไปได้ สัมผัสได้  หลายคนไปได้แล้วก็ทิ้ง  บ้างก็ปล่อยปะละเลย  บ้างก็มุ่งมั่นเอาจริง  บ้างก็ด่าผม  นินทาลับหลัง  บ้างก็ชมเชย  ผมไม่สน ช่างแม่งมันตัวใครตัวมัน  เราก็ทำหน้าที่ของเราไป  ไม่เคยคิดเป็นบุญคุณอะไรกับใคร  แต่สิ่งนึงที่พวกเขาเหล่านั้นคิดไม่ได้คือถ้าทำอย่างผมไม่ได้ก็อย่าพูดมาก  พูดไปจะทำให้คนอื่นเขามองท่านว่าท่านเป็นคนที่ใช้ไม่ได้  ทำให้มาก  เอาจริงทำตามที่หลวงพ่อสอนมันก็ไม่ยากเกินไป  ครั้งสุดท้ายที่ผมสอนนี่น่าจะสอนคนใกล้ชิดละมั้งจำไม่ได้  การสอนทางไปแต่ละครั้งหากมองแล้วว่าสงเคราะห์ได้  ผมช่วยเต็มที่  ยอมตายใช้กำลังทั้งหมดที่มีพาไป  เมื่อไปเห็นแล้วก็ดีใจด้วยกับเขาทุกครั้ง  บางคนฝึกก็หลายครั้งไปไม่ได้พอช่วยก็ไปได้  พอไปได้ก็คิดว่าตัวเองแน่ตัวเองเก่ง  

อีแบบนี้นี่ยังเลว  เลวแบบไม่รู้ตัว  เห็นแล้วก็ปลงคงได้ไปนะนิพพาน  บางคนฝึกได้แล้วก็พาลูก เมีย ผัว พ่อ แม่ พี่ น้อง มาฝึกกันเป็นครอบครัวตัวอย่าง   ผมก็ช่วยหมดตามวาระ  ตามกำลัง  เวลานี้ก็คิดว่าพวกเขาจะยังจำวันที่ขึ้นไปสัมผัสพระนิพพานได้มั้ย  จำอารมณ์นั้นได้มั้ย  แต่ละคนดีอกดีใจ  เมื่อกลับลงมา  ผมก็ดีใจครับที่ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ท่านเห็นทางกลับบ้าน  เห็นทางพ้นทุกข์  หลายคนที่มา  รักผม  หลายคนเคยรัก  หลายคนไม่ชอบ หลายคนเกลียด  แต่ผมก็เหมือนเดิม  มีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเรา  ใครจะรักเราก็เป็นสิ่งที่ดี  ใครจะเกลียดเราก็เป็นเรื่องของเขา  ออมีนะที่ไม่ชอบแต่ตอนนี้รักผม  นี่แหละใจมนุษย์ยากหยั่งถึง    

เอ้าร่ายยาวไปไหนอีกล่ะเนี้ยเดี๋ยววัยรุ่นเซ็ง   วัยรุ่นนี่สอนง่าย วัยแก่นี่  มานะเยอะสอนยากแต่ก็สอนได้   บางทีก็สอนตัวเอง  บางทีท่านพ่อก็มาสอน  ก็เพราะเจอเทศน์มหาชาติมาเมื่อวันก่อนก็ต้องกระตุ้นเหล่าบริวารท่านพ่อ พระศรี เสียหน่อย  เร่งรัดการปฏิบัติ   มันหย่อนยาน  พลังกายแรงใจหาย   พระหาย เอางี้วันนี้จะเล่าเรื่องพ่อไก่โต้งให้อ่านก็แล้วกัน  ดีมั้ย  โต้งนี่ไม่เคยฝึก  ไม่รู้เรื่องรู้ราว  ไม่รู้อะไรเลย  แบบนี้ดีเลย  แต่เจ้านี่ติดเรื่องสงสัย  ถามนู้นถามนี่เยอะไปหมด  อยากจะรู้อยากจะเห็น  เออดีเดี๋ยวไม่ได้เห็นกันพอดี  อยากนี่ไม่เห็นแน่  

ช่วงเช้าผมก็เริ่มให้พ่อไก่โต้งกะบาสจับภาพพระกับคำภาวนาให้คล่อง   มาช่วงบ่ายแก่ๆ  ผมว่าสงสัยแบบนี้ท่าจะยากอยู่เป็นแน่  พี่แกสงสัยคิดไปคิดมาตลอดพอกะบาส  ไอ้นี่อ่านมากรู้มาก  ผมก็เริ่มให้จับภาพพระให้ทรงตัว  จากนั้นชาร์ทแบตรอบแรก  ไอ้รอบแรกนี่กะไม่ค่อยจะถูกแต่กระแสมันเข้าไปง่ายมาก  สรุปผมจัดไปสามรอบ อัดเต็มที่เข้าง่ายดีก็อัดจนเบา  ผมก็ถามตลอดว่าใจสบายมั้ย  เบามั้ย เพราะกลัวว่าจะแรงเกินไป  อัดมากไปก็ไม่ดี  มันไม่ง่วง  ใจเบาสบาย  ไม่หลับไม่นอน  พ่อไก่โต้งบอกใจมันว่าง  เบาๆว่าง เอ้าได้เรื่องละสิ  เดี๋ยวได้เบาลอยกันมั่งละทีนี้  จากนั้นผมก็ปล่อยไปตอนนั้นราวๆบ่าย4ได้  กะว่าคืนนี้จัดเต็ม  ผมให้น้องเตรียมแบรนด์ไว้  ซึ่งความจริงไม่ชอบกินเลย  เพื่อว่าไปดีๆไม่ได้ต้องดึงกันมั้งล่ะ

พอถึงเวลาก็สวดมนต์  สมาทานศีล  สมาทานพระกรรมฐานจัดพานครูเรียบร้อย  จากนั้นผมเปิดคำแนะนำให้ฟังครู่นึง  จากนั้นก็เริ่มเลยการนำไปที่ต่างๆนี่ผมไม่ขอเล่าก็แล้วกัน  โต้งนี่ไปได้ดีจริงๆครับส่วนบาสนี่ไปไม่ได้  เห็นแล้วบอกถูกต้องตรงตามความเป็นจริง  มีสิ่งนึงที่ทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่  ตอนไปกราบท่านย่า  ท่านย่าเมตตาโน้มตัวลงมากอดแล้วลูบหลังอย่างเอ็นดู  ในขณะฝึกนั้นผมตามขึ้นไปด้วยตลอด ที่ตามไปด้วยก็เพื่อจะดูว่าเห็นอะไร  อยู่ตรงไหน  จากนั้นก็ขอพระท่านขึ้นไปพระนิพพาน  บางครั้งมืดบางครั้งสว่าง  ก็เป็นเรื่องปกติ ขอบารมีพระก็สว่าง  มองเห็นชัดเจนแจ่มใสดีมาก  ผมมีความรู้สึกว่าถ้าทุกท่านฝึกแล้วได้แบบนี้คงดีไม่น้อยมันไม่เหนื่อยผู้สอน  ผู้ฝึกก็มีความสุขหลังจากฝึกเสร็จก็เอาเลย

ตานี่สงสัยไปหมด ไปจริงมั้ย  คิดไปเองมั้ย  สารพัด แต่ดันตอบได้นี่สิ  ก็เลยต้องอธิบายความกันตามสมควร  โต้งนี่พอลงมาแล้วจิตยังวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่  ตรงนี้จิตเริ่มจับพระนิพพาน  ใจสบาย เบา แหมผมก็ยินดีและดีใจไปกับเขาที่ไปได้  จากนั้นก็แผ่เมตตา  การฝึกให้โต้งครั้งนี้เป็นการฝึกแบบจริงจังครั้งแรกในรอบหลายเดือน  ผมรู้สึกว่ากำลังจิตนี่มันมีพลังมากเหมือนไม่ค่อยได้ใช้   อย่างการชาร์ทแบตนี่กำลังมากขนบริเวณคอลุกชัน ไล่ลงมาที่แขน  ลงไปที่ศรีษะของคนที่ถูกชาร์ท  หรือการชาร์ทให้ทางโทรศัพท์ หรือสไกด์ นี่ก็มีกำลังที่ทำให้อีกฝากนึงรับรู้ถึงพลังงานนี้ได้  ผมจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่นั่งสมาธินี่เมื่อไหร่  ถึงจะไม่นั่งแต่การทรงอารมณ์นี่ผมทำทุกวัน  จับภาพพระทุกวัน พิจารณาองค์ท่านอย่างละเอียดถึงขอบของประกายพฤกมีเหลี่ยมมีมุมแพรวพราวอย่างไร  ย่อขยายจนชำนาญ รู้ลมหายใจตัวเอง  หลังๆหลายท่านในเฟซบุคก็มาฝึกให้ผมบ่อยขึ้น  ถามนู้นดูนี่  ทำนู้นนี่นั้น  มันก็ได้ใช้ได้ทบทวน  จะได้มีความแม่นยำในการใช้ญานต่างๆ  ผมจะเล่าให้อ่านว่าการฝึกของผมทำยังไงดีมั้ย  แต่อย่าทำตามล่ะมันบ้าๆเพี้ยนๆ

การใช้ญานของผมนี่ผมจะไม่คล่องการดูเหตุการณ์ปัจจุบัน  หรือปัจจุปันนังสญาณ  อันนี้ไม่คล่องก็ฝึกมากหน่อย  ส่วนที่คล่องๆก็จะมีทิพจักขุญาณ   อตีตังสญาณ  อนาคตังสญาณ  เจโตปริยญาณ   การฝึกนี่ผมจะฝึกตอนขับรถเวลาขับไปในเส้นทางที่เป็นถนนสวนเลนกัน  เวลาแซงทางโค้งบนเขา  หรือโค้งที่มองไม่เห็น  ผมจะกำหนดภาพพระแล้วถามใจตัวเองว่ามีรถมั้ย  หรือแซงได้มั้ย  คำตอบแรกมาปุ๊บผมกดคันเร่งแซงทันที  มันต้องไม่พลาด  พอมันห้ามพลาดมันก็ตั้งใจมาก  วางอารมณ์ให้ทรงตัว  ผมฝึกแบบนี้แทบทุกครั้งที่ขับรถ  มีเพียงครั้งเดียวที่ลังเล  คำตอบแรกมาแล้วไม่เชื่อ  คำตอบมาว่าอย่าแซงไอ้เราก็แซงไม่ได้จริงหรอ  คันหน้าเป็นรถพ่วง  ผมไม่มั่นใจเลยเบี่ยงออกไปดูนึดนึงแหมเอาซะจริงๆ  มีรถสวนมาด้วยความเร็ว  เล่นใจลงไปเที่ยวตาตุ่มเลยกู   เห็นมั้ยลังเลนิดเดียวมันพลาดได้เหมือนกัน  ก็ขอว่าอย่าได้พิเรนอย่างผม  ผมมันเพี้ยนๆบ้าๆ  ตายไม่กลัวแต่กลัวพิการ  บางทีก็กลัวในสิ่งที่คนอื่นเค้าไม่กลัว  ทำในสิ่งที่คนอื่นเค้าไม่ทำ   วันนี้ก็ขอจบเรื่องเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้  โอกาสหน้ามีเรื่องอะไรก็จะมาเล่าสู่กันอ่าน  อ่านนี้อย่าอ่านเอาสนุก  เพลินนะ  หัดฝึกหัดทำไปด้วยจะมีประโยชน์มาก  หมั่นรักษากำลังใจไว้  ตั้งหมั้นไว้นะ….สวัสดี

เดี๋ยวมาต่อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top