ทริปหลวงพ่อตามกลับ ครั้งที่ 1
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้วันที่ 13 มกราคม 2557 ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีสำหรับทริปหลวงพ่อตามกลับ ครั้งที่ 1 ช่วงผมว่าหลายๆคนคงเปลี่ยนไปนับจากนี้ไม่มากก็น้อยทริปนี้มีหลากหลายอารมณ์ครับ หัวเราะ ร้องไห้ มีความสุข คิดถึง ผมเชื่อครับว่าทุกๆท่านคุ้นเคยกันอย่างน่าแปลกใจ อันดับแรกสุดผมกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ผมได้ตอบแทนความดีที่มีต่อผม ขอบคุณกองเสบียงที่ดูแลอาหารให้เราเป็นอย่างดี ทุกท่านเหนื่อยแต่มีความสุข ขอบคุณจากใจครับ
ทริปนี้เป็นทริปแรกในรอบปีเศษและเป็นทริปอย่างเป็นทางการ โดยการนี้มีชักกี้แมนเป็นประธานรุ่นแบบไม่ต้องเลือกตั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายต่อหลายท่านอยากให้ผมจัดทริป ผมก็เฉยนะขี้เกียจ ด้วยความที่ไม่ชอบคนมาก แถมต้องมาเหนื่อยแทบขาดใจ แต่พอจบทริปเฉพาะกิจ ไตรตรึงษ์ ก็ทำให้เห็นว่ามีหลายคนรอคอยการกลับมาทำทริปฝึกแบบเข้มข้น ผมจึงตัดสินใจเอาวะจัดก็จัด โดยมีชักกี้แมนเป็นแรงผลักดัน จึงประกาศรับสมัครกัน แหมอาทิตย์เดียวเกือบ 50 คน เลยต้องเบรกไว้เดี๋ยวจะมากันเยอะเกินไป เลยคิดว่ารับเท่าที่เราจะเอาอยู่ พูดถึงเรื่องนี้ก็ขอเตือนกันนะครับว่าถ้าท่านไม่แน่ใจอย่ากรอกใบสมัครมา เพราะหลายท่านนี่กรอกใบสมัครไว้แต่ติดต่อไม่ได้ ทำให้เสียโอกาสที่ผู้อื่นจะมา แถมสร้างความปวดหัวให้ทีมงานผม ไว้ต้องจัดระบบกันใหม่อีกครั้ง
วันแรกผมตื่นตั้งแต่ตีสี่เพราะต้องเตรียมของหลายอย่าง และมีนัดรับท่านที่มาจากต่างจังหวัดตอนตี5 จากนั้นก็เดินทางไปยังคลอง 15 ใช้เวลาเดินทางไปเพียง ครึ่งชั่วโมง การนี้คณะเราใช้เวลาเดินทางน้อยมากจึงมาถึงกันไว 09.00 นี่ก็ทยอยมากันเร็วจึงได้มีการพูดคุยทำความคุ้นเคยกันก่อน จากนั้นเริ่มฝึกกันรอบแรก สำหรับรอบแรกนี่ผมฝึกแบบรวม มีผลตีมากจริงๆ มีเพียง 14 คนที่ไปไม่ได้ และคนมาครั้งแรกไปได้ก็มีมาก แหมเบาใจครับไปไม่ได้น้อย จบรอบแรกก็พักทานมื้อเที่ยงกัน จากนั้นมาต่อรอบบ่าย สำหรับรอบบ่ายนี่แยกฝึกครับ โดยผู้ช่วยทั้ง 4 คนของผมลุยกันเต็มที่ ส่วนผมนำฝึกรวมต่อ จบราวสี่โมงเย็น เหลือเพียง 5 คนที่ยังไปไม่ได้ สบายละคืนนี้ คงฝึกกันสนุก มื้อเย็นวันนี้กับข้าวเอร็ดเป็นกรณีพิเศษ แต่ละคนทานกันไม่มากคงเป็นเพราะเกรงใจกันอยู่เดี๋ยวเค้าจะมองว่าเอออีพวกนี้ตะกละมาจากไหน ผลไม้เพียบ แอ๊ปเปิ้ล สาลี่ ลองกอง ส้ม ส่วนนึงต้องขอขอบน้ำใจคณะเราที่บริจาคทรัพย์เพื่อการกิน แหมอานิสงค์มีมากเลี้ยงอาหารผู้ปฏิบัติเพื่อการไม่เกิด
มาช่วงค่ำก็จัดเต็มกันต่อครับ เวลานี้ไปได้เกือบหมดแล้วผมจึงพากระดึ๊บ แต่ก่อนกระดึ๊บก็เชิญบรรดาโจทย์เก่าแต่หนหลังมาขออโหสิกรรมกันก่อนและผมก็ขออโหสิกรรมด้วย จริงๆไม่อยากเล่ากลัวคนเอาไปพูดแบบไม่เข้าใจก็ขอเล่าดีกว่า คงต้องยอมรับกันตรงๆว่าคนหลายคนที่มาเป็นคนที่อธิษฐานตามผมมาแต่หนหลัง เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเรามาเอาดีกันแต่มันติดตรงที่ว่า คนเก่าๆของผมที่ผูกพันกันมาจะมีอาการบีบที่หัวใจ ใจสั่น เกิดความทรมานแบบที่ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร แค่มองหน้าผม อ่านข้อความผม หรือได้ยินเสียงผม อาการต่างๆก็จะเกิด ตรงนี้บางคนเป็นบางคนไม่เป็น สำหรับคนที่เป็นส่วนใหญ่ฝึกได้แล้ว คนที่ฝึกไม่ได้ก็ไม่เป็นอาการดังกล่าว ทีนี้อีตอนฝึกญานนี่มีการย้อนดูอดีตชาติของตัวเองไอ้เราก็กลัวเดี๋ยวมันจะไม่อโหสิกรรมให้ก็ขอมันเสียก่อนดีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครไม่เจอกับตัวเองไม่มีวันเชื่อครับ ผมเข้าใจดี และอีกอย่างนึงคือเมื่อคนเหล่านี้บีบบหัวใจ ใจสั่น เจอผมอยากร้องไห้ จุก แน่น อะไรต่างๆก็แล้วแต่ผมจะเป็นด้วย ผมถึงได้เข้าใจว่ามันทรมาน จึงต้องการให้มันคลายตัว ก็ต้องอโหสิกรรมกันเพื่อให้คลายลง แต่มันก็จะไม่หมดไป เอ้ามาว่าต่อเรื่องกระดึ๊บแหมเพลินครับเอาเป็นว่ารู้กันในทริปเราก็แล้วกันว่ามันคืออะไร แต่งานนี้เจอหลวงพ่อเต็มๆหลายคน ร้องห่มร้องไห้กันไปให้หายคิดถึงหลวงพ่อ คืนนี้เราเหลือ 3 คนที่ไปไม่ได้ เมื่อฝึกรวมเสร็จเป็นช่วงเก็บตกต่อ ช่วงนี้ก็ใช้วิธีพิเศษไปสองคน มีไปได้คนนึงอีกคนไปได้เช่นกันแต่ติดไม่เห็น ได้แค่ความรู้สึก ส่วนอีกท่านนี่อารมณ์ดิ่งเข้าฌานตลอด ผมเวียนผู้ช่วยผมเข้าไปแนะสลับสับเปลี่ยนกันจนเหนื่อย ตรงนี้ขอยอมรับครับว่าผิดที่ผมเอง สิ่งนึงคือผมต้องการดูกำลังใจผู้ช่วยกับอีกสิ่งนึงคืออยากได้คนแรกของผมที่มาฝึกในทริปแล้วไปไม่ได้ นี่คือความเลวที่ผมยังเหลืออยู่มาก ผมเห็นว่าผู้ช่วยชักแย่แล้วจึงตัดสินใจขึ้นไปคุยกับหลวงพ่อ ยังไม่ทันได้ถามท่านเลย ท่านบอกพร้อมชี้นิ้วสั่งว่า ให้มันฝึกแบบคนโง่ๆ อย่าไปช่วยมัน คำว่าอย่าไปช่วยมันที่ท่านพูดนี่คือการชาร์จแล้วดึงนะครับ ผมก็เลยไม่ช่วยไปช่วยอีก 2 คนแทน จนแล้วจนรอดเหลือ หนึ่งคนที่ยังไปไม่ได้ กับอีกคนที่ไปได้แต่ไม่เห็นขึ้นๆลงๆยังจับอารมณ์ไม่ได้ สำหรับผมยังไม่กังวลครับแต่ผู้ช่วยผมนี่สิ นั่งร้องไห้เพราะต้องการให้เขาไปได้และไม่อยากให้ผมมีคนแรกให้จดจำ แหมต้องปลอบกันพักนึง
คืนนี้มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมทำคือการทำน้ำมนต์รักษาโรคเวรโรคกรรมให้กับคณะเรา ด้วยความที่หมดแรงเลยต้องนอนทำน้ำมนต์ เชื่อว่าหลายคนคงเห็นแล้วว่าสิ่งที่ผมเล่าไว้แต่ละอย่างมันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น กินเข้าไปแล้วคลื้นไส้ อ๊วก หรือเรอ ออกมา พะอืดพะอม เนี้ยแหละครับต้องให้เห็นกันจะๆกับตา หายไม่หายไม่รู้แต่ที่รู้คือสิ่งไม่ดีต่างๆในตัวเรามันจะออกมาจากการขับของน้ำมนต์ ไปๆมาๆทีนี้แย่งกันกินใหญ่ เออดี ถ้าทำขายคงขายดี คืนแรกผ่านไปด้วยความราบรื่นครื้นเครงทุกคนที่มาสนิทกันเร็วมาก คุยกันสนุกสนานคล้ายไม่ได้เจอกันมาหลายร้อยปี วันนี้ผมสุขใจหลายๆอย่างที่เห็นความรักความสามัคคี ความดีพวกท่านที่ทำมันสร้างความสุขใจให้ผมและเชื่อว่าท่านพ่อมองดูเราอยู่และท่านก็สบายใจที่ลูกหลานบริวารท่านมาพบทางกลับบ้าน
วันที่สองนี่เราตื่นกันแต่เช้า ช่วงเช้ามีกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ แต่ติดว่าคนของเรามากแต่ไม้กวาดมี 3 อันเลยต้องเปลี่ยนแผนมาเป็นทานข้าวเสร็จก็ให้มาเล่าประสบการณ์สำหรับคนที่มาครั้งแรกแล้วฝึกได้ ช่วงนี้ผมอัดคลิปวีดีโอไว้ ก็จะเอามาลงให้เปิดฟังกัน มีอยู่ท่านนึงที่ผมฟังแล้วมันจุกอก แกบอกว่าแกตามอ่านเรื่องผมมาตลอดตั้งแต่ก่อนมาทำเวปเอง แกจะมาทริปก่อนๆก็ไม่ได้มา มาเวปใหม่ก็ตามมาตลอดไปฝึกหลายที่ก็ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ รอมาปีกว่าว่าเมื่อไหร่ทริปจะมีอีกครั้ง ผมฟังแล้วจุกและเข้าใจความรู้สึกของพวกท่าน ผมคิดว่าถ้าจะมีทริปต่อๆไปก็จะต้องดูเวลางานของผมเป็นอันดับแรก แต่ให้สัญญาว่าจะต้องมีแน่รุ่น 2 ในเดือนกุมภาพันธ์ จบจากเล่าประสบการณ์ผมก็ให้แจกพระแล้วปล่อยให้ไปพักตามสบายส่วนผมไปช่วยอีก 2ท่านที่เหลือ จนแล้วจนรอดก็สัมผัสพระนิพพานได้ทุกคน มันเป็นความสุขที่มีค่ามากมายหาคำบรรยายไม่ได้ สำหรับคนสุดท้ายที่ไปได้นั้น หลวงพ่อท่านมายืนข้างๆแล้วท่านพูดอะไรบางอย่างทำให้ผมและผู้ช่วยผมร้องไห้กันแทบแย่ หลวงพ่อมาทีไรผมร้องไห้จะเป็นจะตายทุกที ผมรักท่านเหลือเกิน ท่านรู้ว่าผมกำลังใจถดถอย ท่านมองมาทางผม บอกผมว่า “ลูกรัก พ่อจะต้องทำให้ลูกเห็นอีกซักกี่ครั้งลูกถึงจะเชื่อพ่อ ว่าพ่อไม่ทิ้งลูกพ่อไว้ เมื่อลูกมีพ่อ พ่อจะอยู่ในใจลูกตลอดเวลา” ผมร้องไห้แทบตายครับ การก้มลงกราบที่เท้าท่านมันยังสูงเกินไปสำหรับผม ผมต้องแทรกแผ่นดินลงไปแล้วกราบท่านมันถึงจะคู่ควร ผมไม่เคยเล่าไปร้องไห้ไปนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเล่าให้พวกท่านฟังแล้วร้องไห้ไปด้วย มันเป็นน้ำตาแห่งความรักที่ผมมีให้กับหลวงพ่อ ไม่มีคำไหนในโลกจะมาใช้เปรียบเทียบกับความรักความเมตตาที่หลวงพ่อมีให้กับพวกเรา สุดท้ายเราก็ต้องปฏิบัติเองเพื่อตามท่านกลับบ้าน
มาถึงช่วงสุดท้ายก่อนการจากลาก็มีการฝึกรอบสุดท้ายและให้จำอารมณ์ ตามด้วยการลาพุทธภูมิกัน จากนั้นก็มีการบรรเทากรรมโดยวิธีพิเศษ ที่ว่าวิธีพิเศษนี่คือผมดึงอาการป่วยออกมาจากคนป่วย เดี๋ยวก็รู้ว่าหายมั้ยรอเจ้าตัวมาเล่าให้อ่านก็แล้วกัน แล้วก็ร่ำลากันก่อนกลับแจกของที่ระลึก หลายคนมีความสุข หมดสงสัย หมดคำถาม ผมกราบขอขมาพวกท่านหากมีสิ่งใดในคำพูดผมทำร้ายความรู้สึกท่าน ทำให้ท่านไม่พอใจ ขอให้เข้าใจว่าผมไม่มีเจตนา และผมยินดีด้วยที่พวกท่านมีความสุขกับการมาปฏิบัติในครั้งนี้ สุดท้ายนี้ขอให้พวกท่านแสดงถึงการให้เกียรติผมโดยการเล่าประสบการณ์หรือความรู้สึกต่างๆไว้ให้คนรุ่นต่อๆไปอ่านกันครับ วันนี้ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ สวัสดี…
MV ทริปหลวงพ่อตามกลับ ครั้งที่ 1