ตอนที่ 59

by admin

ตอนที่ 59

by admin

by admin

ทริปหลวงพ่อตามกลับ ครั้งที่ 1

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้วันที่ 13 มกราคม 2557  ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีสำหรับทริปหลวงพ่อตามกลับ ครั้งที่ 1  ช่วงผมว่าหลายๆคนคงเปลี่ยนไปนับจากนี้ไม่มากก็น้อยทริปนี้มีหลากหลายอารมณ์ครับ  หัวเราะ  ร้องไห้ มีความสุข  คิดถึง  ผมเชื่อครับว่าทุกๆท่านคุ้นเคยกันอย่างน่าแปลกใจ อันดับแรกสุดผมกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ผมได้ตอบแทนความดีที่มีต่อผม  ขอบคุณกองเสบียงที่ดูแลอาหารให้เราเป็นอย่างดี  ทุกท่านเหนื่อยแต่มีความสุข  ขอบคุณจากใจครับ

ทริปนี้เป็นทริปแรกในรอบปีเศษและเป็นทริปอย่างเป็นทางการ  โดยการนี้มีชักกี้แมนเป็นประธานรุ่นแบบไม่ต้องเลือกตั้ง  ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายต่อหลายท่านอยากให้ผมจัดทริป  ผมก็เฉยนะขี้เกียจ ด้วยความที่ไม่ชอบคนมาก  แถมต้องมาเหนื่อยแทบขาดใจ  แต่พอจบทริปเฉพาะกิจ ไตรตรึงษ์  ก็ทำให้เห็นว่ามีหลายคนรอคอยการกลับมาทำทริปฝึกแบบเข้มข้น  ผมจึงตัดสินใจเอาวะจัดก็จัด  โดยมีชักกี้แมนเป็นแรงผลักดัน  จึงประกาศรับสมัครกัน แหมอาทิตย์เดียวเกือบ 50 คน  เลยต้องเบรกไว้เดี๋ยวจะมากันเยอะเกินไป  เลยคิดว่ารับเท่าที่เราจะเอาอยู่  พูดถึงเรื่องนี้ก็ขอเตือนกันนะครับว่าถ้าท่านไม่แน่ใจอย่ากรอกใบสมัครมา เพราะหลายท่านนี่กรอกใบสมัครไว้แต่ติดต่อไม่ได้  ทำให้เสียโอกาสที่ผู้อื่นจะมา  แถมสร้างความปวดหัวให้ทีมงานผม   ไว้ต้องจัดระบบกันใหม่อีกครั้ง  

วันแรกผมตื่นตั้งแต่ตีสี่เพราะต้องเตรียมของหลายอย่าง  และมีนัดรับท่านที่มาจากต่างจังหวัดตอนตี5  จากนั้นก็เดินทางไปยังคลอง 15  ใช้เวลาเดินทางไปเพียง ครึ่งชั่วโมง  การนี้คณะเราใช้เวลาเดินทางน้อยมากจึงมาถึงกันไว  09.00 นี่ก็ทยอยมากันเร็วจึงได้มีการพูดคุยทำความคุ้นเคยกันก่อน  จากนั้นเริ่มฝึกกันรอบแรก  สำหรับรอบแรกนี่ผมฝึกแบบรวม  มีผลตีมากจริงๆ  มีเพียง 14 คนที่ไปไม่ได้  และคนมาครั้งแรกไปได้ก็มีมาก  แหมเบาใจครับไปไม่ได้น้อย  จบรอบแรกก็พักทานมื้อเที่ยงกัน  จากนั้นมาต่อรอบบ่าย  สำหรับรอบบ่ายนี่แยกฝึกครับ  โดยผู้ช่วยทั้ง 4 คนของผมลุยกันเต็มที่  ส่วนผมนำฝึกรวมต่อ  จบราวสี่โมงเย็น เหลือเพียง 5 คนที่ยังไปไม่ได้  สบายละคืนนี้  คงฝึกกันสนุก  มื้อเย็นวันนี้กับข้าวเอร็ดเป็นกรณีพิเศษ  แต่ละคนทานกันไม่มากคงเป็นเพราะเกรงใจกันอยู่เดี๋ยวเค้าจะมองว่าเอออีพวกนี้ตะกละมาจากไหน  ผลไม้เพียบ  แอ๊ปเปิ้ล  สาลี่  ลองกอง  ส้ม  ส่วนนึงต้องขอขอบน้ำใจคณะเราที่บริจาคทรัพย์เพื่อการกิน  แหมอานิสงค์มีมากเลี้ยงอาหารผู้ปฏิบัติเพื่อการไม่เกิด   

มาช่วงค่ำก็จัดเต็มกันต่อครับ  เวลานี้ไปได้เกือบหมดแล้วผมจึงพากระดึ๊บ แต่ก่อนกระดึ๊บก็เชิญบรรดาโจทย์เก่าแต่หนหลังมาขออโหสิกรรมกันก่อนและผมก็ขออโหสิกรรมด้วย  จริงๆไม่อยากเล่ากลัวคนเอาไปพูดแบบไม่เข้าใจก็ขอเล่าดีกว่า  คงต้องยอมรับกันตรงๆว่าคนหลายคนที่มาเป็นคนที่อธิษฐานตามผมมาแต่หนหลัง  เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  เพราะเรามาเอาดีกันแต่มันติดตรงที่ว่า  คนเก่าๆของผมที่ผูกพันกันมาจะมีอาการบีบที่หัวใจ  ใจสั่น เกิดความทรมานแบบที่ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร  แค่มองหน้าผม  อ่านข้อความผม  หรือได้ยินเสียงผม  อาการต่างๆก็จะเกิด  ตรงนี้บางคนเป็นบางคนไม่เป็น  สำหรับคนที่เป็นส่วนใหญ่ฝึกได้แล้ว  คนที่ฝึกไม่ได้ก็ไม่เป็นอาการดังกล่าว  ทีนี้อีตอนฝึกญานนี่มีการย้อนดูอดีตชาติของตัวเองไอ้เราก็กลัวเดี๋ยวมันจะไม่อโหสิกรรมให้ก็ขอมันเสียก่อนดีกว่า   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครไม่เจอกับตัวเองไม่มีวันเชื่อครับ   ผมเข้าใจดี  และอีกอย่างนึงคือเมื่อคนเหล่านี้บีบบหัวใจ  ใจสั่น  เจอผมอยากร้องไห้  จุก แน่น  อะไรต่างๆก็แล้วแต่ผมจะเป็นด้วย  ผมถึงได้เข้าใจว่ามันทรมาน  จึงต้องการให้มันคลายตัว  ก็ต้องอโหสิกรรมกันเพื่อให้คลายลง  แต่มันก็จะไม่หมดไป  เอ้ามาว่าต่อเรื่องกระดึ๊บแหมเพลินครับเอาเป็นว่ารู้กันในทริปเราก็แล้วกันว่ามันคืออะไร  แต่งานนี้เจอหลวงพ่อเต็มๆหลายคน  ร้องห่มร้องไห้กันไปให้หายคิดถึงหลวงพ่อ  คืนนี้เราเหลือ 3 คนที่ไปไม่ได้  เมื่อฝึกรวมเสร็จเป็นช่วงเก็บตกต่อ  ช่วงนี้ก็ใช้วิธีพิเศษไปสองคน  มีไปได้คนนึงอีกคนไปได้เช่นกันแต่ติดไม่เห็น  ได้แค่ความรู้สึก  ส่วนอีกท่านนี่อารมณ์ดิ่งเข้าฌานตลอด ผมเวียนผู้ช่วยผมเข้าไปแนะสลับสับเปลี่ยนกันจนเหนื่อย  ตรงนี้ขอยอมรับครับว่าผิดที่ผมเอง  สิ่งนึงคือผมต้องการดูกำลังใจผู้ช่วยกับอีกสิ่งนึงคืออยากได้คนแรกของผมที่มาฝึกในทริปแล้วไปไม่ได้  นี่คือความเลวที่ผมยังเหลืออยู่มาก  ผมเห็นว่าผู้ช่วยชักแย่แล้วจึงตัดสินใจขึ้นไปคุยกับหลวงพ่อ  ยังไม่ทันได้ถามท่านเลย  ท่านบอกพร้อมชี้นิ้วสั่งว่า ให้มันฝึกแบบคนโง่ๆ  อย่าไปช่วยมัน  คำว่าอย่าไปช่วยมันที่ท่านพูดนี่คือการชาร์จแล้วดึงนะครับ  ผมก็เลยไม่ช่วยไปช่วยอีก 2 คนแทน  จนแล้วจนรอดเหลือ หนึ่งคนที่ยังไปไม่ได้  กับอีกคนที่ไปได้แต่ไม่เห็นขึ้นๆลงๆยังจับอารมณ์ไม่ได้  สำหรับผมยังไม่กังวลครับแต่ผู้ช่วยผมนี่สิ  นั่งร้องไห้เพราะต้องการให้เขาไปได้และไม่อยากให้ผมมีคนแรกให้จดจำ  แหมต้องปลอบกันพักนึง  

คืนนี้มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมทำคือการทำน้ำมนต์รักษาโรคเวรโรคกรรมให้กับคณะเรา  ด้วยความที่หมดแรงเลยต้องนอนทำน้ำมนต์  เชื่อว่าหลายคนคงเห็นแล้วว่าสิ่งที่ผมเล่าไว้แต่ละอย่างมันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น  กินเข้าไปแล้วคลื้นไส้  อ๊วก หรือเรอ ออกมา  พะอืดพะอม  เนี้ยแหละครับต้องให้เห็นกันจะๆกับตา  หายไม่หายไม่รู้แต่ที่รู้คือสิ่งไม่ดีต่างๆในตัวเรามันจะออกมาจากการขับของน้ำมนต์   ไปๆมาๆทีนี้แย่งกันกินใหญ่  เออดี  ถ้าทำขายคงขายดี  คืนแรกผ่านไปด้วยความราบรื่นครื้นเครงทุกคนที่มาสนิทกันเร็วมาก  คุยกันสนุกสนานคล้ายไม่ได้เจอกันมาหลายร้อยปี  วันนี้ผมสุขใจหลายๆอย่างที่เห็นความรักความสามัคคี  ความดีพวกท่านที่ทำมันสร้างความสุขใจให้ผมและเชื่อว่าท่านพ่อมองดูเราอยู่และท่านก็สบายใจที่ลูกหลานบริวารท่านมาพบทางกลับบ้าน

วันที่สองนี่เราตื่นกันแต่เช้า ช่วงเช้ามีกิจกรรมสาธารณะประโยชน์  แต่ติดว่าคนของเรามากแต่ไม้กวาดมี 3 อันเลยต้องเปลี่ยนแผนมาเป็นทานข้าวเสร็จก็ให้มาเล่าประสบการณ์สำหรับคนที่มาครั้งแรกแล้วฝึกได้  ช่วงนี้ผมอัดคลิปวีดีโอไว้  ก็จะเอามาลงให้เปิดฟังกัน  มีอยู่ท่านนึงที่ผมฟังแล้วมันจุกอก  แกบอกว่าแกตามอ่านเรื่องผมมาตลอดตั้งแต่ก่อนมาทำเวปเอง  แกจะมาทริปก่อนๆก็ไม่ได้มา  มาเวปใหม่ก็ตามมาตลอดไปฝึกหลายที่ก็ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ  รอมาปีกว่าว่าเมื่อไหร่ทริปจะมีอีกครั้ง  ผมฟังแล้วจุกและเข้าใจความรู้สึกของพวกท่าน  ผมคิดว่าถ้าจะมีทริปต่อๆไปก็จะต้องดูเวลางานของผมเป็นอันดับแรก  แต่ให้สัญญาว่าจะต้องมีแน่รุ่น 2 ในเดือนกุมภาพันธ์   จบจากเล่าประสบการณ์ผมก็ให้แจกพระแล้วปล่อยให้ไปพักตามสบายส่วนผมไปช่วยอีก 2ท่านที่เหลือ  จนแล้วจนรอดก็สัมผัสพระนิพพานได้ทุกคน  มันเป็นความสุขที่มีค่ามากมายหาคำบรรยายไม่ได้   สำหรับคนสุดท้ายที่ไปได้นั้น  หลวงพ่อท่านมายืนข้างๆแล้วท่านพูดอะไรบางอย่างทำให้ผมและผู้ช่วยผมร้องไห้กันแทบแย่  หลวงพ่อมาทีไรผมร้องไห้จะเป็นจะตายทุกที  ผมรักท่านเหลือเกิน  ท่านรู้ว่าผมกำลังใจถดถอย  ท่านมองมาทางผม  บอกผมว่า  “ลูกรัก พ่อจะต้องทำให้ลูกเห็นอีกซักกี่ครั้งลูกถึงจะเชื่อพ่อ ว่าพ่อไม่ทิ้งลูกพ่อไว้  เมื่อลูกมีพ่อ พ่อจะอยู่ในใจลูกตลอดเวลา”  ผมร้องไห้แทบตายครับ  การก้มลงกราบที่เท้าท่านมันยังสูงเกินไปสำหรับผม  ผมต้องแทรกแผ่นดินลงไปแล้วกราบท่านมันถึงจะคู่ควร  ผมไม่เคยเล่าไปร้องไห้ไปนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเล่าให้พวกท่านฟังแล้วร้องไห้ไปด้วย  มันเป็นน้ำตาแห่งความรักที่ผมมีให้กับหลวงพ่อ  ไม่มีคำไหนในโลกจะมาใช้เปรียบเทียบกับความรักความเมตตาที่หลวงพ่อมีให้กับพวกเรา  สุดท้ายเราก็ต้องปฏิบัติเองเพื่อตามท่านกลับบ้าน

มาถึงช่วงสุดท้ายก่อนการจากลาก็มีการฝึกรอบสุดท้ายและให้จำอารมณ์  ตามด้วยการลาพุทธภูมิกัน  จากนั้นก็มีการบรรเทากรรมโดยวิธีพิเศษ  ที่ว่าวิธีพิเศษนี่คือผมดึงอาการป่วยออกมาจากคนป่วย  เดี๋ยวก็รู้ว่าหายมั้ยรอเจ้าตัวมาเล่าให้อ่านก็แล้วกัน  แล้วก็ร่ำลากันก่อนกลับแจกของที่ระลึก  หลายคนมีความสุข  หมดสงสัย  หมดคำถาม  ผมกราบขอขมาพวกท่านหากมีสิ่งใดในคำพูดผมทำร้ายความรู้สึกท่าน  ทำให้ท่านไม่พอใจ  ขอให้เข้าใจว่าผมไม่มีเจตนา  และผมยินดีด้วยที่พวกท่านมีความสุขกับการมาปฏิบัติในครั้งนี้  สุดท้ายนี้ขอให้พวกท่านแสดงถึงการให้เกียรติผมโดยการเล่าประสบการณ์หรือความรู้สึกต่างๆไว้ให้คนรุ่นต่อๆไปอ่านกันครับ  วันนี้ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้  สวัสดี…

MV ทริปหลวงพ่อตามกลับ ครั้งที่ 1

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top