ตอนที่ 63

by admin

ตอนที่ 63

by admin

by admin

เยือนนครพิงค์

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน  วันนี้วันที่ 1 กรกฏาคม 2557 เวลา 24.10น. ห่างหายไปสองเดือนเศษก็เห็นว่ามีคนมารออ่านมากมาย ต้องขอบอกว่าสองเดือนที่ผ่านมานี่ไม่ค่อยจะว่างซักเท่าไหร่ ลงใต้ขึ้นอีสานยันนครพิงค์  สะสางงานเก่าที่ค้างไว้ก็เลยไม่มีโอกาสเหมาะๆมานั่งเล่านั่งพิมพ์  อีกทั้งบริวารคู่ใจดันมาตีจากลาออกไปเผชิญโลกกว้างก็เลยเหนื่อยหนัก  อีกทั้งเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่อีกก็เลยเหนื่อยทวีคูณ  การเป็นมนุษย์นี่มันช่างยากช่างเย็นแสนลำเค็ญแท้  ช่วงนี้ก็เป็นช่วงถือศีลอดของมุสลิมทั่วโลก  ทั้งโคตรผมก็ถือบวชกันหมดแต่ผมนี่ดิประเดิมมาถวายหลวงพ่อกับหล่อพระเสียหนิ  ก็ผ่านไปด้วยดีกับโครงการหนึ่งอำเภอเจอหลวงพ่อ ณ วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่  การนี้จะไม่สำเร็จด้วยดีหากขาดความเมตตาของพระอาจารย์จิรวัตร  รวมไปถึงพี่หมูแห่งช้างเผือกที่เป็นธุระจัดแจงนิมนต์อันเชิญรูปหล่อหลวงพ่อขึ้นไปให้  ผมและคณะหลวงพ่อตามกลับต้องกราบขอบพระคุณทั้งสองท่านสุดหัวใจ  การมานครพิงค์ครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานหล่อพระที่สำนักศาลาพุทธปฐม  อ.ดอยสะเก็ดอีกงานนึง  แหมเห็นท่านที่มาร่วมหล่อพระร่วมแรงร่วมใจด้วยกำลังกายกำลังทรัพย์ก็ทำให้เราอดที่จะอิ่มใจเสียมิได้  

คณะผมก็มากันจากกรุงเทพบ้างก็อยู่เชียงใหม่ บ้างก็อยู่ต่างประเทศก็ยังฝากเงินมาร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมากก็ขอโมทนาร่วมยินดีในกุศุลที่พวกเราสร้างร่วมกัน   โดยงานบุญวันแรกก็เป็นงานถวายรูปหล่อเท่าองค์จริงของพระราชพรหมยาน  ณวัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร  อ.เมืองเชียงใหม่  ความจริงผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ด้วยภารกิจและอุปสรรคในการขนส่งก็ทำให้ต้องเลื่อนมาตลอด  มาได้ฤกษ์ได้ยามก็ช่วงนี้ประจวบเหมาะกับงานหล่อพระที่สำนักศาลาพุทธปฐม  นี่ก็สองบุญใหญ่  คณะผมร่วมกับคณะพระอาจารย์จิรวัตรแห่งไตรตรึงษ์นครและชาวนครพิงค์กลุ่มช้างเผือก นัดหมายกันไว้ช่วงเช้าเก้าโมง   วันนั้นพอดีว่าพระคุณเจ้าท่านมีกิจนอกวัดเลยต้องประสานกับทางพระเลขาแทนแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี  ทุกท่านอิ่มใจในบุญกันถ้วนหน้าพอจบกิจช่วงเช้าคณะของพระอาจารย์ก็มาชวนไปสำนักพุทธปฐมกันช่วงบ่าย  ไอ้เราก็ว่างพอดีก็ไปกันทั้งคณะครั้งนี้ผมเตรียมแผ่นดวงของท่านที่มาร่วมทริปนำมาบรรจุด้วย  พอมาถึงก็พบกับคณะของอ.ภุชงค์แห่งป่าซางกำลังทำงานกันอยู่หลังพูดคุยทักทายกันเรียบร้อย  ท่านก็บอกว่าถ้าผมจะบรรจุแผ่นทองอะไรต่างๆก็เชิญได้เลย  เพราะเดี๋ยวจะเริ่มผสมปูนเทกันต่อผมจึงกราบขอขมาพระที่ฐานก่อนแล้วปีนขึ้นไปเพื่อบรรจุแผ่นดวง  

ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญอย่างยิ่งที่ผมจะนำแผ่นดวงของทุกท่านที่ร่วมทริปของเราทั้งหมดที่ผ่านมา  ผมถอดอทิสมานกายขึ้นไปบนวิมานตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก  อยู่จนใจเบาโปร่งและเห็นภายในวิมานชัดเจนแจ่มใสดีแล้วจึงขึ้นไปกราบสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า  ซึ่งก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาคือองค์ท่านใหญ่มากตัวผมนี่เล็กจิ๋วเดียวผมก้มกราบท่านอย่างเช่นทุกครั้ง  ท่านถามผมว่าวันนี้มาได้มีอะไร  ผมกราบทูลท่านขอฝากดวงชะตาลูกหลานไว้กับพระองค์ท่าน  ท่านยิ้มน้อยๆ  แล้วแผ่นดวงก็ลอยขึ้นไปจากนั้นผมกราบลาท่านลงมาที่กายเนื้อที่ยืนเกาะพระพุทธรูปอยู่  ผมอาราธนาบารมีสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์  พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เป็นประธาน  ท่านปู่ท่านย่า  ท่านท้าวมหาราชเป็นทิพญานในการอธิฐานจิตแห่งเรา  “ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ขอเหล่าเทวดาทั้งหลาย พรหมทั้งหลาย โปรดเมตตาจดจำชื่อบุคคลทั้งหมดนี้  หากแม้นวันใดพวกเขาออกไปในมิจฉาทิฏฐิขอเหล่าท่านจงดึงพวกเขากลับมาในสัมมาทิฏฐิ   และหากแม้นว่าท่านเหล่านี้ประกอบกิจอันเป็นสัมมาทิฏฐิแล้วไซร์  ขอเหล่าเทวดาพรหมทั้งหลายได้ร่วมโมทนาในกุศลผลบุญที่ได้ทำไปด้วยเถิด”  ต้องขอบอกว่าเทวดาพรหมที่มานั้นมีมาก  เดาๆจากที่เห็นก็น่าจะหลายพันองค์  มีทั้งที่ผมรู้จักและไม่รู้จัก  ผมว่าท่านที่อยู่ในเหตุการณ์และได้มโนมยิทธิก็คงเห็นเช่นเดียวกับผม  แต่ท่านที่ไม่ได้มโนมยิทธิก็จะเห็นพระอาทิตย์ทรงกลดแทน  เหตุที่เหล่าเทวดามากันมากมายนักก็ไม่ใช่ว่าผมเป็นผู้วิเศษหรือเก่งกาจอะไร  แต่การกิจที่พวกเราร่วมทำนั้นเป็นมหาบุญมีอานิสงส์มากมายยิ่งนัก  หลังจากนั้นก็เริ่มผสมปูนหล่อพระกันต่อ  ผมอยู่พักหนึ่งก็เดินทางกลับ

มาถึงวันพิธีก็มีการบวงสรวงกันเวลา 9โมงเศษ  ผมด้วยความที่ปวดหลังปวดคอเพราะขับรถมากก็ไปแอบหลบตามมุมต้นไม้  พระอาจารย์จิรวัตรเห็นเข้าก็เรียกให้เข้าไปในพิธี  นั่นมั้ยได้เรื่องจนได้  ผมก็ไปนั่งบริเวณฐานพระในช่วงที่อ.ภุชงค์ท่านบวงสรวง  ท่านก็เชิญของท่านไปไอ้เราก็มองไปใครมามั่ง  ซักพักมีเทวดาแต่งกายเต็มยศ เครื่องทรงสวยงามเป็นสีทองระยิบระยับมายืนห่างจากที่ผมนั่งราว 2 เมตร  ท่านบอกว่าคุณใจคอคุณจะนั่งท่านี้รึ  ผู้ใหญ่มากันเยอะคุณไม่เห็นรึ เอาเข้าแล้วสิ ผมฟังก็นะแทบจะลงมานอนกราบกรานที่พื้นดิน  จากนั่งชันเข่าบนฐานพระกลายมาพับเพียบเรียบร้อยกับพื้นดินหน้าโต๊ะบวงสรวงเสียหนิ  แหมหลังก็เจ็บแต่ก็นะท่านพูดซะแทบแทรกแผ่นดินหนี  ผมก็นั่งท่าเดียวอยู่นานจนขาชาไม่มีความรู้สึกว่ามีขา  ก็คงไม่ต้องเล่าว่าใครมาบ้าง  เพราะมากันมากพอผู้ใหญ่กลับก่อนกลับท่านหันมามองแล้วยิ้มน้อยๆ  แหมเห็นท่านยิ้มให้ก็ใจสบายว่าแต่ลืมกราบลาท่านเพราะมัวแต่มองเพลิน  หลังพิธีบวงสรวงเสร็จสิ้นก็ร่วมเทปูนหล่อพระกันจนเสร็จสิ้น  กลุ่มเราก็นั่งคุยกันตามประสาไปเรื่อยก็มีหลายท่านมาพบมาทักทาย  ผมก็แนะนำไปตามประสาคนบ้าๆบอๆส่งเดชไปเรื่อยเปื่อย  ถ้าท่านผู้ฟังวันนั้นบ้าๆบอๆเหมือนกันก็คุยกันรู้เรื่อง  ส่วนคนมาใหม่นี่ก็คงจะงงกับคณะเรา   

ผมคิดว่าผมนี่ก็แปลกนะไอ้เวลาจะดูชาวบ้านแนะคนนู้นบอกคนนี้มันไม่เหมือนช่วงแรกๆ  พูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือมันไม่ต้องตั้งหลักมากคุยๆไปนี่นึกอยากจะรู้ว่าตนนั้นคนนี้ติดขัดแบบไหนยังไงมันก็รู้และเข้าใจอธิบายความได้โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องถาม  บางครั้งหลายท่านถามนิดเดียวผมก็เข้าใจคำถามแล้วอธิบายยาวเป็นชั่วโมงจนเจ้าตัวเข้าใจหายสงสัย  บางคนถามผมว่าทำไมวิมาน  ถามแค่นี้เองนะผมรู้แล้วว่าเขาอยากทราบว่าอะไร  บางทีมันอัศจรรย์ใจเหมือนกัน  สิ่งนึงที่ผมคิดแต่ไม่เคยบอกก็คือ พอกลับมาอยู่คนเดียวก็จะคิดถามตัวเองตลอดว่า  นี่กูเดาแม่นขนาดนั้นเลยหรอ  เที่ยวไปเสือกรู้เรื่องคนอื่นเข้าใจคนอื่นไปเสียหมด  แล้วตัวเรานี่ล่ะเข้าใจตัวเองบ้างรึยังอันนี้ก็ยิ่งสำคัญมัวแต่สนใจชาวบ้านรึยังไงล่ะ  พูดเรื่องนี้ก็นึกถึงเรื่องนึงจะเล่าให้อ่านก็คงไม่เหมาะเพราะเกี่ยวกับพระสงฆ์  ก็ขอยกไว้เป็นการภายในไม่เป็นสาธารณะจะดีกว่า  เอาเป็นว่าการที่ท่านเป็นสงฆ์กิจบางอย่างไม่เหมาะสมและเป็นการสร้างกรรมกับผู้อื่นซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนท่านก็ควรจะทราบได้ด้วยตัวท่านเอง  การที่ท่านไปทักไปทายคนนั้นป่วยเป็นโรคนั่นโรคนี่  หรือผีเปรตอสูรกายเข้าสิงอะไรเทือกนี่ก็ต้องดูเสียก่อนนะ  บางอย่างผมคิดว่ามันก็ไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็นเสมอไป  มีพระหลายรูปครับที่มาขอคำแนะนำจากผม  ตรงนี้ผมต้องขอบายนะ  บอกตรงๆว่าอย่ามาถามผมเลยท่านควรปฏิบัติด้วยตัวท่านเองหรือท่านติดขัดก็ควรจะถามพระอาจารย์ของท่านไม่ใช่มาถามผม  เพราะผมยังเลวอยู่มากและมิอาจสอนใครได้เพราะตัวเองยังหาดีไม่เจอ  ขอบ่นหน่อยแล้วกันนะเพราะอึดอัดใจและไม่สบายใจจริงๆที่อยู่ๆจะมาให้ผมแนะนำพระสงฆ์  ทำเอาคิดมากไปหลายวัน  

มาว่าเรื่องของเราก็ต่อดีกว่าขืนไม่จบเดี๋ยวก็ไม่พ้นปากนรกกันทั้งคนเขียนและผู้อ่านจะพากันกอดคอลงไปเที่ยวเล่นข้างล่างกันเสีย   แต่ก็นะเพราะทุกวันนี้มันก็มีดีและไม่ดีปะปนกันไป  ระหว่างที่เล่าอยู่นี่ผมก็ยังอยู่ยั้งนครพิงค์  อยู่ยาวพออยู่ยาวก็ได้สงเคราะห์คนนั้นนิดคนนี้หน่อยเป็นการเฉพาะ  หลายท่านต้องการให้มีทริปช้างเผือกอีก  ส่วนผมก็ขี้เกียจ  รึยังไงเอาเป็นว่าไม่มีเวลาดีกว่า  แต่ท่านทั้งหลายก็ยังหาที่ฝึกได้นะมีหลายท่านแนะนำหรือสอนกันอยู่ไม่จำเป็นต้องมาหาผม  แต่ถ้าท่านไปทุกที่แล้วยังไม่ได้เรื่องได้ราวก็น่าคิดว่าท่านคงจะยังไม่ตั้งใจพอรึเปล่า  หรือถ้าตั้งใจแล้วแต่ยังไม่ได้  อันนี้ผมก็จะดูให้ว่าติดตรงไหนยังไง  ส่วนจะมีทริปช้างเผือกมั้ยอันนี้ไม่รับรอง  ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน

ระหว่างอยู่ยั้งนครพิงค์ผมก็สืบเสาะจนได้พบโรงหล่อเรซิ่นที่คิดว่าอนาคตเราจะหล่อหลวงพ่อเป็นเรซิ่นในโครงการหนึ่งอำเภอเจอหลวงพ่อ  เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่าปูนมากจะได้ง่ายต่อการขนส่ง  แบบไปสองคนก็ยกถวายกันได้ก็จะมีความสะดวกและคล่องตัวดี  ไว้จะมาบอกกล่าวเล่าความคืบหน้ากันในโอกาสต่อไป  สำหรับวันนี้ก็ขอจบเรื่องเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้  สิ่งที่สำคัญที่สุดให้ตั้งใจไว้นะว่าเราจะทำทุกทางเพื่อกลับพระนิพพานชาตินี้  จงเริ่มต้นเอาจริงเอาจังและไม่ประมาทในความตาย…สวัสดี

นั่นเขายังไม่อยากให้จบ  เขาว่าสั้นเกินไปรอมานานก็เอาเป็นว่ามาเล่าเรื่องผีกันซักเรื่องสองเรื่องก็แล้วกัน  ช่วงเดือนที่ผ่านมามีกิจไปภูเก็ต อีตอนไปภูเก็ตนี่ไม่เจอมาเจอตอนกลับเพราะตอนกลับนี่แวะนอนพักที่หัวหิน  ผมไปถึงราวๆ5ทุ่ม แบบว่าโรงแรมปิดแล้วถ้ามาเกิน2ทุ่มต้องเช็คอินกับยาม  ตายามก็ให้ไปพักชั้นสาม แหมออกจากลิฟท์มา เจอผียืนหน้าลิฟท์น่าจะมากกว่า20นะไม่ทันนับ  ห้องที่พักก็มีลักษณะคล้ายหอพักนักศึกษา  วันนั้นจำได้ว่านั่งดูบอลอยู่ปลายเตียงมีโซฟา  หันไปกะว่าเออจะไปอาบน้ำนอน  ดันไปเจอสาวใส่ชุดนอนผมยาวยืนก้มหน้าเท้าเปียก ไอ้เราก็คิดในใจอีนี่อาบน้ำไม่เช็ดตัว  แต่ก็หลอนนะกลัวเหมือนกันไม่ใช่ไม่กลัว  ว่าแต่ผีนี่แปลกมันมานี่ต้องก้มหน้าก้มตาแทนที่มันจะทำผมดีๆเอามาบังหน้าเพื่ออะไรนี่ก็แปลก  ผมไม่ได้คุยกะมันนะแต่ทำเป็นไม่เห็นเดินไปหยิบมีดหมอมา  อาราธนานิดนึงท่าจะดี  เอาแค่หยิบออกมานี่หันไปมองมันหายไปละ  แล้วอีตอนอาบน้ำนี่หลอนสุดตอนล้างหน้านี่แหละเกิดอีผีชุดนอนมันยืนจ้องหน้าจะทำไงแบบว่ากูยังไม่ได้ตั้งหลักจะเจอมัน  อาบน้ำไปคิดไปว่ามันจะโกรธเรามั้ยเอามีดหมอมาขู่มัน  แต่ก็ไม่เจอนะคืนนั้นหลับสบายยันสายอีกวัน  สุดท้ายอยากจะบอกท่านผู้อ่านไว้นะว่า  ความกลัวคือสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมาเอง มันปรุงมันแต่งและสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมา  เอ้าสุดทัายจริงๆละพบกันใหม่โอกาสหน้า โอกาสนี้ขอลาก่อน สวัสดี..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top