ตอน 11

by admin

ตอน 11

by admin

by admin

สำหรับวันนี้ก็จะขอเล่าประสบการณ์ของผมเองครับ…. เป็นการฝึกมโนมยิทธิของผมเองแต่คราวนี้เหมือนจะไปเต็มกำลัง

เมื่อประมาณต้นเดือนสิงหาคมครับผมมีโอกาสก็ไปฝึกมโนมยิทธิที่ศูนย์พุทธศรัทธา จ.สระบุรี ครับ วันนี้ผมตั้งใจว่าจะมาฝึกญาณ8 ด้วยความว่าอยากทราบอดีตชาติของหลวงพ่อและความเกี่ยวพันระหว่างผมกับหลวงพ่อ

วันนี้ผมพักอยู่คอนโดย่านบางนาก็เลยให้ลูกน้องขับรถมารับครับ มาจากรังสิตถึงบางนาราว 11โมงได้ จากนั้นก็เดินทางไปสระบุรี ระหว่างทางแวะส่งลูกน้องกลับบ้านไป เนื่องจากวันเสาร์ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ครั้นจะพามาด้วยก็เกรงว่าจะปากโป้งไปบอกพ่อผมซะก็อาจถูกเนรเทศได้

ระหว่างทางก็คิดว่า..เราจะไปทันบ่ายโมงมั้ยเนี้ย ก็โทรบอกอจ.ท่านว่า….ผมจะเข้าไปฝึกวันนี้จะมีใครมาไหมครับ ท่านก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่มี ผมแอบดีใจเล็กๆครับถ้าฝึกคนเดียวแจ๋มเลย (นี่แหละผมความเลวยังมีอยู่มากจริงๆอาการนี้แก้ไม่หายครับสงสัยเป็นสันดาน) เอ้าต่อ เวลานั้นด้วยความว่ากลัวจะไม่ทันบ่ายโมง โดยปกติถ้ามีผู้มาฝึก อจ.ท่านก็จะเริ่ม ถ้ามาไม่ทันก็เสียเที่ยวกันไปตามระเบียบ ที่ว่าตามระเบียบหมายถึงระเบียบเขาก็ต้องมีไว้เพื่อรักษาวินัยกัน ระหว่างเดินทางผมก็ภาวนา สัมปจิตฉามิ ไปเรื่อย ที่ภาวนาคาถานี้ก็เพราะเวปนี้แหละครับ ไปอ่านเรื่องหลวงพี่เล็กเข้าให้ หลวงพี่เล็กท่านภาวนาบทนี้แล้วเดินเร็วขึ้น ขอขยายความกันสักนิด คาถานี้หลวงพ่อท่านแนะนำว่าเป็นคาถาเรียกอภิญญาเก่าที่เคยได้มาแต่กาลก่อนมารวม ไอ้ผมก็ลองดูบ้างจะได้มาทันเวลา เวลานั้นก็เหยียบสัก140 ได้ไม่ขาดไม่เกิน ถ้าภาวนาอาจจะมาถึงเร็วขึ้น หากใครเคยไปศูนย์พุทธศรัทธาจะทราบว่าเส้นทางนั้นไม่สามารถขับเร็วได้สักเท่าไหร่ แต่วันนั้นใจมันถึงแล้วต้องเร่งเอากายมาให้ไว

มาถึงราว บ่ายโมงเศษ โชคดีของผมครับวันนี้ไม่มีใครมาฝึก สบาย อิอิอิ หัวเราะในใจครับ กะวันนี้จะเอาให้เต็มที่กันไปเลย อาจารย์ท่านก็ถามเตรียมดอกไม้มาหรือเปล่า ไอ้ผมก็ตอบด้วยความภาคภูมิใจครับว่า เปล่าครับอาจารย์ (เวลานี้ท่านคงคิดในใจไอ้หมอนี่มันไม่เคยเตรียมมาสักครั้งไม่น่าถามมันเลย) ท่านก็เมตตาเหมือนเดิมครับเตรียมให้ผม จากนั้นก็บูชาพระ สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐาน จากนั้นท่านก็เปิดเสียงคำสอนหลวงพ่อ

ระหว่างฟังก็เริ่มกำหนดจิตภาวนา หายใจเข้านะมะ หายใจออกพะทะ จนกระทั้งจบเสียงหลวงพ่อ ก็นั่งสมาธิต่อโดยปกติก็จะนั่งราวๆ15นาที

ระหว่างนั้นผมก็ภาวนาไปเรื่อยสักแป็บก็นิ่ง. ขณะนี้กายในออกมายืนรอครับผมหยุดภาวนาแล้วในขณะนี้ ก็รอครับเวลาผ่านไปครู่ใหญ่อจ.ท่านยังไม่มา ผมก็เอทำไมวันนี้ท่านให้นั้งนานจัง. เวลานั้นผมก็กลับมาภาวนาต่อเพราะยังไม่อยากขึ้นไปข้างบนก่อนกะว่าไปพร้อมกับท่านเลย

น่าจะสักครึ่งชั่วโมงก็สงสัย. ว่าเอทำไมท่านยังไม่มาเวลานี้ผมไม่รอแล้วขึ้นเลยดีกว่า ผมก็ขึ้นไปกราบพระเหมือนทุกครั้งกราบจนครบอาจารย์ท่านก็ยังไม่มาผมก็เลยไปรอที่วิมานตัวเอง ขึ้นไปนี่ก็ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยนั่งสมาธิในวิมานตัวเอง สมาธิซ้อนสมาธินั่งได้สักนาทีเศษปากผมที่กายเนื้อเริ่มกระตุกครับ. แล้วก็กระตุกแรงขึ้นความรู้สึกขณะนั้นก็ไม่ได้สนใจร่างกายครับที่นี้ไม่ใช่กระตุกแค่ปากแล้วครับ เล่นเอาหัวกระตุกด้วยเวลานี้ผมมีสติครบถ้วนครับก็คิดว่าเราเป็นอะไรว่ะนั่งมาไม่เคยเป็นแบบนี้นี่หว่า ก็ไม่สนใจครับนั่งต่อไปเอาเขาแล้วที่นี้ล่อทั้งตัวเลยครับกระตุกสั่นทั้งตัวเป็นเจ้าเข้าเลยครับ เวลานั้นอจ.ท่านเดินมาพอดีแหมเสียดายจังถ้านานอีกนิดคงอ๊วกแตกไส้บิดกันเป็นแน่ครับเล่นซะเมาแบบไม่ต้องกินเหล้า

จากนั้นอจ.ท่านมาถึงท่านคงเห็นผมกระตุกใหญ่ ท่านก็บอกให้ผมลดกำลังมาที่อุปจารสมาธิแล้วท่านถามว่าจะไปเต็มกำลังหรือไงเวลานั้นกายเนื้อผมก็ยังสั่นอยู่ครับ ผมก็บอกท่านว่าผมไปกราบมาครบแล้วท่านถามผมว่าวันนี้อยากฝึกอะไรผมบอกว่าวันนี้อยากรู้อดีตชาติของหลวงพ่อครับและก็อยากรู้ว่าผมเคยเกี่ยวพันอย่างไรกับท่านบ้างจากนั้นก็เริ่มฝึกญาณ8ครับ…วันนั้นกายเนื้อกระตุกจนฝึกเสร็จเลยครับ

ผมขอไม่เล่ารายละเอียดนะครับค่อนข้างเยอะและอีกอย่าง หากมีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานหรือลูกศิษย์มาอ่านเข้าอาจจะปรามาสได้

ไม่ดีครับจะลงนรกกันเสียหมด เอาเป็นว่าผมรู้แล้วครับว่าอดีตชาติผมเป็นใครชื่ออะไรและหลวงพ่อท่านเคยเกิดเป็นใครมาบ้าง ทำคุณงามความดีและประโยชน์กับประเทศนี้มามากจริงๆ ถ้าใครอย่างรู้ก็ฝึกกันเองรู้กันเองจะดีกว่าครับสนุกด้วยครับ ภาพมาชัดเจนจริงวันนี้ภาพที่ผมเห็นมันช่างชัดจริงๆครับเห็นรายละเอียดมากกว่าที่เคย

หลักการฝึกก็คุยกับอจ.ท่านก็บอกว่าการไปเต็มกำลังจะทำให้เห็นชัดเจนขึ้นวันนี้เล่นชักกระตุกเสียเหนื่อย หลังจากวันนั้นผมก็ฝึกอีกครับนั่งคนเดียวก็ไปได้ตามปกติคับแต่พอเอากายในนั่งซ้อนข้างบนวิมาน อาการออกอีกครับเริ่มจากปากสั่นพอปากสั่นผมนี่หยุดทันทีครับไม่เอาดีกว่าเหนื่อยแน่(นี่ครับผมบอกแล้วว่าผมนี่ทั่งโง่ทั้งเลวจริงๆ)ที่ว่าทั้งโง่ทั้งเลวก็คือหยุดทำความดีหยุดในสิ่งที่พ่อท่านสอนว่าอาการนี้มันเป็นปกติของคนที่มีฌานหยาบอาการนี้มันจะหายไปเองแต่ผมกลับโง่หยุดปฏิบัติเอาดื้อๆ.. แหมก็ผมเพิ่งกินข้าวเสร็จเกรงว่าจะออกหมดแล้วต้องกินไหม่สรุปวันนั้นก็เลยหยุด

หลังจากนั้นล่าสุดเอาอีกครับจำวันไม่ได้แม่นแต่ก็ต้นเดือนกันยาล่ะครับ หลังจากโทรศัพท์สอบถามผู้รู้ทั้งหลายรวมถึงพระก็ต่อเลยครับ

วันนั้นก่อนนั่งก็ยังไม่กินข้าวครับ กันไว้ดีกว่าเลอะไอ้ความจริงผมว่าไม่น่ามีใครนั่งสมาธิแล้วตัวสั่นอ๊วกออกมาอันนี้ไม่รู้จะมีไหมแต่คิดว่าไม่เคยได้ยิน หรือใครเคยเจอก็บอกกันได้ครับจะได้รู้ไว้ ผมนั่งได้สัก5นาทีกายในออกมาปุ๊บขอบารพระทันทีครับ บอกท่านว่าวันนี้ผมจะไปเต็มกำลังครับอยากเห็นแบบตัวเราไปเองชัดแจ๋ว จากนั้นก็เหมือนเดิมครับกายในนั่งสมาธิบนวิมานตัวเองไม่ถึง5วินาทีครับอาการสั่น ก็มาเหมือนเดิมผมก็เอาวะอยากสั่นก็สั่นไปเอาเสียให้เต็มที่ไปเลย

แหมครั้งนี้มันสั่นเสียเต็มที่จริงๆแรงและเร็วเอาวะตายเป็นตายเวลานี้ผมเห็นแสงสว่างครับ….แต่แสงมันติดๆดับๆเหมือนเปิดปิดไฟครับ เปลือกตากระพริบถี่ตีขึ้นลงคราวนี้สั่นนานครับราว5นาทีเห็นจะได้หรือนานกว่าไม่แน่ใจ ผมก็เอาวะจะตายเวลานี้ก็เอาช่างมันระหว่างนั้นครับแวบเดียวเองครับคิดว่าถ้าผีมาแทรกจะทำยังไงกำลังใจตกทันทีครับกายในผมลืมตาตอนนี้กายเนื้อผมหยุดสั่นเลยครับ แต่ผมยังอยู่ในสมาธิจากนั้นกายในผมนึกถึงพระ ท่านมายืนอยู่ตรงหน้าผมทูลถามท่านว่าทำไมอาการสั่นของผมมันนานจังขอรับ ท่านเมตตาบอกผมว่าเธอยังตัดร่างกายไม่ขาดจากนั้นผมต่อเลยครับกายในนั่งสมาธิต่อพอกายในหลับตาปุ๊บสักครึ่งนาทีได้เจ้าเก่ามาครับสั่นพับๆๆเหมือนเดิมแรงเท่าเดิมหรือกว่าเดิมอันนี้ไม่ทราบ เพราะงงไปหมดหัวสั่นตัวสั่น แหมเวลานี้ใครมาเห็นคงคิดว่ากำลังเข้าทรงลงเจ้าเป็นแน่ครานี้แสงแวบๆมาแล้วครับเห็นเหมือนเดิมครับติดๆดับๆเหมือนกดปิดเปิดไฟบ้านเวลานั้นคล้ายกับตัวผมจะหงายหลังกำลังใจไปอีกแล้วครับเพราะกลัวว่าหัวจะกระแทกพื้น เอาเข้านั่นไหนบอกมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันมอบไม่จริงนี่หว่าเสือกกลัวหัวโขกพื้นเสียนี่เรา

จากนั้นหยุดครับเวลานั้นพระท่านยืนอยู่ข้างๆท่านตรัสว่าเธอยังติดห่วงร่างกายเธอต้องตัดร่างกายให้ขาดคิดเสียว่าร่างกายไม่มีในเรากายนี้ไม่ใช่ของเธอ จากนั้นกราบลาท่านแล้วออกจากสมาธิเหลือบดูเวลาผ่านไปชั่วโมงเศษตายล่ะนี่ผมสั่นเสียชั่วโมงเศษหรือนี่เหมือนแป๊บเดียวเลย

ลุกจากท่านั่งขัดสมาธิด้วยความเพลียครับมึนหัวอีกต่างหาก ขอเสริมนิดนึงครับตอนที่กายในผมทูลถามพระนั้นผมเห็นท่านชัดเชียวครับ

จากวันนั้นมาก็ฝึกตัดร่างกายพิจารณาความสกปรกของร่างกาย ฟังเสียงหลวงพ่อสอนเรื่องวิปัสสนาญานทั้ง9ครับ กินข้าวก็พิจารณามันคือซากสัตว์กินศพสัตว์ เห็นสาวๆก็มองทะลุไปยันไหนๆเอ้าซากศพเดินได้มีแต่น้ำเลือดน้ำหนอง. มองดูความสกปรกพิจารณาไปคนรักกันมันรักกันจริงไหมไหนให้คนที่เรารักอ๊วกออกมาแล้วเรากินเข้าไปกินได้ไหมเอ้ารักกันปานจะกลืนลองจับขี้เขาด้วยมือเปล่าสิทำได้ไหมรังเกลียดไหม

ผมพิจารณาเรื่อยมาครับบางทีก็เผลอไปบ้าง บางที่ก็เห็นสาวแล้วสวยบ้างน่ารักบ้างพอจิตมันคิดแบบนี้ปุ๊บก็พิจารณาทันทีอีกทั้งพยายามทรงสมาธิให้ได้ในแต่ละวัน ฝึกรู้ลมหายใจตัวเองเผลอบ้างก็มีรู้สึกตัวก็อ้าวเราเผลอไปเสียแล้วนึกได้ก็จับลมหายใจต่อทำแบบนี้มาตลอดเพื่อตัดร่างกายและมีสติรู้อยู่ตลอดตามที่พระท่านสงเคราะห์ความโง่เขลาของผมที่ยังรักและห่วงร่างกายอันเต็มไปด้วยความสกปรก

วันนี้…ก็ขอให้ท่านผู้อ่านได้รับประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยไม่น้อยก็ไม่ได้เลย ที่ว่าไม่ได้เลยก็หมายถึงอ่านเอาสนุกเอามันส์. ที่ว่าน้อยหมายถึงมีความรู้สึกเล็กๆว่าต้องเริ่มฝึกบ้างแล้ว. และที่ว่ามากหมายถึงผู้ที่เริ่มปฏิบัติและเอาจริงเอาจังครับ

ผมขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ อำนวยอวยพรให้ท่านผู้อ่านมีกำลังใจที่เข็มแข็งในการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์รักษาศีล5เป็นปกติและเอาจิงเอาจังในการฝึกฝนครับ….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top