ตอน 12

by admin

ตอน 12

by admin

by admin

ก่อนจะเล่าก็ขอเท้าความกันสักนิด ถึงที่มาที่ไป เมื่อประมาณ6-7ปีที่แล้วผมมีโอกาสไปอบรมธุรกิจรีไซเคิลทีจังหวัด พิษณุโลก คราวนั้นก็ได้เพื่อนใหม่มาพอสมควร ช่วงนั้นคิดว่าธุรกิจนี้น่าสนใจมากทำเงินได้เยอะและใช้ทุนทรัพย์น้อย เปรียบเทียบกับธุรกิจที่ผมทำนั้นลงทุนเยอะกำไรน้อย เมื่ออมรมกันตามสมควรอยู่สักอาทิตย์ก็มีความสนิทสนมกับเพื่อนใหม่

กลับมาก็ตกลงร่วมหุ้นกันทำธุรกิจดังกล่าว เราก็หาที่ทางเพื่อเช่าทำโกดัง เวลานั้นได้ที่บริเวณบางขันธ์ แถวธรรมศาสตร์รังสิต เป็นบ้านร้าง2ชั้นมีบริเวณราว1ไร่เศษก็ตรงกับความต้องการก็ตกลงเช่า ที่น่าแปลกคือค่าเช่าเพียง5พันเท่านั้นมันถูกเสียจนดีใจและไม่ได้ฉุกคิด

หลังจากเซ็นต์สัญญาเช่าอะไรต่างๆวางมัดจำเรียบร้อย เพื่อนบ้านบริเวณโดยรอบก็ออกมามองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจหรือเห็นเราเป็นตัวประหลาดอันนี้ไม่ทราบได้ มีป้าบ้านข้างๆเดินมาบอกไอ้หนูมาเช่าบ้านอยู่หรือผมก็ด้วยความซื่อบื้อแแกมกวนบาทา ก็บอกว่าเปล่าครับป้าไม่ได้เช่าอยู่(เพราะไม่ได้มาอยู่แต่มาทำงาน) ป้าแกก็ใส่เต็มแมกครับ บ้านนี้ผีดุมากกลางคืนเขาเจอกันทั่วไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้วบางคนอยู่ได้แค่คืนเดียวก็เปิดแนบ ผมฟังก็หลอนครับยิ่งเพื่อนได้ยินยิ่งหลอน คนอื่นอยู่ไม่ได้เราจะอยู่ได้หรือ ค่าเช่าและมัดจำก็จ่ายแล้วจะบอกเจ้าของบ้านว่ากลัวผีเห็นว่าคงจะโดนยึดเงินเป็นแน่ ก็เอาว่ะไหนๆก็มาขนาดนี้แล้วเดินหน้าอย่างเดียว

หลังจากเริ่มทำโกดังปรับปรุงพื้นที่ต่างๆเสร็จก็ให้ลูกน้องเข้าไปอยู่ราว8คนครับ

อยู่ได้2คืนก็เจอดี เห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยเดินขึ้นบันไดไปชั้น2 เช้ามาเด็กผมเก็บข้าวของออกไปเช่าบ้านอยู่บริเวณนั้นครับ ส่วนคนอื่นก็เสียขวัญกันบางทีกลางวันก็ได้ยินคนเดินอยู่ข้างบนทั้งที่ไม่มีใครอยู่ ผมด้วยความว่ากลัวธุรกิจจะเสียหายก็ปรึกษาเพื่อนว่าต้องทำยังไงดี ไอ้เพื่อนผมนี่ก็บอกรู้จักร่างทรงเดียวจะให้เขาตรวจให้ ผมด้วยความรู้ทางนี้มีน้อยก็ให้เพื่อนจัดการ หลังจากนั้นมันบอกผมว่าที่บ้านหลังนี้มีนางไม้

เวลานั้นลูกน้องก็ทยอยย้ายออกไปเช่าอยู่กันเอง ผมก็มองดูท่าจะแย่ยังไม่ทันเริ่มจะเจ๊งเสียแล้ว เลยบอกเพื่อนว่าเอางี้มึงพาร่างทรงมาหากูที่นี่เลยแล้วกันกูจะคุยกับนางไม้ ไอ้เพื่อนมันถามเอางั้นเลยหรอ เออกูจะถามว่าต้องการอะไรกูจะจัดให้แต่กูขออย่างเดียวอย่ามาให้เด็กกูเจอ ไอ้ตอนนั้นทั้งโมโหทั้งกลัว ไอ้ที่กลัวนี่กลัวผีและกลัวเจ๊ง ก็หมายใจว่าจะตกลงกัน

ก็มาถึงวันนัดที่พาร่างทรงมาครับ วันนั้นผมเจอผู้หญิงที่เขาเรียกว่าร่างทรงแรกๆก็คิดครับไอ้ผมนี่ประเภทระยำโดยสันดาน ก็กะว่าถ้ามึงหลอกเอาเงินกูให้แก้นู้นทุบนี่เสียเงินทองเยอะ มึงโดนแน่จะแกล้งทำผีเข้าถีบสักที่สองที ของที่ร่างทรงเตรียมมาก็ครบสูตรของเอาครับ ทั้งบายศรี มะพร้าว อาหาร คาวหวานครบครัน เห็นแล้วแหมน่ากินเสียจริง ตอนนั้นเรียกว่าดูถูกจริงๆครับไม่เชื่อเลย

หลังจากจัดแจงเครื่องเส้นไหว้เสร็จก็เอาเลยครับประทับทรงกันทันที ชักกระตุกจนหัวฟูอยู่พักเดียว เสียงแหลมดังกังวานมาเลยครับ พวกมึงไม่เคยเห็นหัวกู มึงไม่เคยเห็นหัวกู กูจะทำให้ฉิบหาย เอาเข้านั่น จะตกลงกันรู้เรื่องไหมเนี่ย ทรงปุ๊บด่าทันที แต่ฟังไปฟังมาก็เอ ด่าใครว่ะ งง ไอ้ที่ด่านี่เหมือนไม่ได้ด่าผมนี่ ด่าสักพักก็ชี้หน้าครับร่างทรงชี้หน้าป้าข้างบ้านผมครับ ด้วยความอยากรู้ของคนแถวนั้นก็ไทยมุงครับ มาดูกันตรึม

ก็พอเข้าใจว่าด่าป้าข้างบ้านผม ป้าแกหน้าซีดลุกเดินหนีกลับบ้านไปเลยครับ

ผมและพวกก็ งง กันอย่างเดียว จากนั้นร่างทรงถามว่าที่เรียกมาวันนี้มีอะไร

เงียบครับ นั่งเงียบฉี่ไม่มีใครกล้าตอบ ที่ไม่กล้าตอบคือผมและพวกเวลานั้นคิดแล้วครับว่านี่ของจริงแน่ เพราะที่ด่ามาแต่ละอย่างลูกน้องผมทำจริง เมื่อไม่มีใครพูดก็ผมล่ะสิผู้หาเรื่อง ทำเก่งจะเรียกมาคุย เอาเข้าจริงไม่เก่งตามปาก หลอนครับ แต่ไหนๆก็มาแล้วก็คุยเสียหน่อย ผมก็ถามเธอว่าจะให้ผมเรียกว่าอะไร พิกุล เรียกพิกุลทอง เวลานี้เสียงเบาลงครับ สงสัยหายโกรธ

ผมก็เจรจาตกลงกันว่าจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร รายละเอียดขอไม่เล่านะครับเดี๋ยวจะยาว ก็สรุปว่าตกลงกันได้ด้วยดี รวมความว่า เธอเป็นนางไม้มากับไม้ที่ปูพื้นชั้น2บริเวณพื้นชั้น2นี่ จะมีน้ำมันเยิ้มซึมออกมาถูยังไงก็ยังมีไหลซึมๆตลอด มาจากทางเหนือ แล้วเขาก็เอาไม้นี่มาปลูกบ้าน เธอก็เลยเป็นเจ้าของบ้าน ไม่ยอมให้ใครอยู่มานาน

ผมเคยใช้มโนมยิทธิไปคุยกับนางไม้ครับ แหมสวยจริงๆตามคำร่ำลือ หน้าขาวใสสมูกสวยหน้ารูปไข่ ปากแดง ผิวพันดี เรียกว่าสวยมากมายก็แล้วกันครับ ก่อนหน้านี้บรรดาอาจารย์ผู้มีญานหลายคนของผมต่างยืนยันว่านางไม้ผู้นี้เคยเป็นเมียผมมาแต่การก่อน เห็นแต่ละท่านบอกสวยนักสวยหนา สวยกว่าแฟนผมหลายคนรวมความสวยกันยังไม่ถึงครึ่งของนางไม้ แหมว่าไปนั้น เวลาดุเธอดุจริงๆครับแต่กลับผมนี่เธอพูดจาดีวาจาไพเราะจับใจก็พอจะรู้เรื่องราวบ้างแต่ยังไม่ละเอียด เอาไว้โอกาสหน้าก็จะสอบถามความเป็นมาในอดีตของเธอว่ามีความเป็นมาอย่างไรถ้าเป็นประโยชน์กับผู้อ่านก็จะมาเล่าให้ฟัง

จากนั้นก็ปกติมาตลอดลูกน้องผมไม่เคยมีใครเจอ แต่ชาวบ้านแถวนั้นยังเจอยังเห็นเป็นปกติ นั้นเป็นเหตการณ์ที่ทำให้ผมรู้จักร่างทรงครับ แก่ชื่อวัตร ผมก็เรียกแกว่าป้าวัตร ป้าวัตรนี่เป็นนักปฏิบัติชั้นยอดครับ แต่ด้วยเหตุบางประการจึงทำให้แกต้องเป็นร่างทรง หลังจากนั้นมาผมก็ไปมาหาสู่ป้าวัตรจนสนิทสนมนับถือแกเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึ่ง

ป้าวัตรนี่จะเป็นร่างทรงของ ซิ้ว กงกง กับเจ้าแม่กวนอิม เวลาว่างหรืออยากให้ดูความเป็นไปของธุรกิจผมก็มักจะไปหาแก เมื่อราวๆปี51แกบอกว่าวันนึงผมจะเป็นอย่างแก ใจผมเวลานั้นไม่เล่นด้วยแน่เจ้าลงเจ้าเข้านี่ไม่เห็นชอบ

แกก็รู้ใจผมครับ บอกว่าหมายถึงผมจะต้องมาปฏิบัติแบบแกและคอยดูนะอายุ32 จะเป็นจริงตามที่พูด เวลานั้นผมเฉยๆครับ ยังละหมาดอยู่และเป็นมุสลิมแท้ๆ ถือศีลอด ละหมาด ถึงจะไม่ครบ5เวลาก็ยังละหมาด

มาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังได้มโนมยิทธิ ก็ไปหาแกครับวันนั้นทรงเจ้าแม่กวนอิม ไอ้ผมก็เต็มไปด้วยความสงสัยก็ถามท่านว่าอาเนี้ยวครับที่ผมไปมานี่ไปจริงหรือครับ ท่านยิ้มอย่างเมตตาบอกผมว่าที่ผมไปมานี่ของจริงขึ้นมาข้างบนไปพบใครมาของจริงหมด ไม่ต้องสงสัย ท่านบอกในสิ่งที่ผมคิดในใจถูกหมดครับอีกทั้ง ยังรู้ว่าผมไปพบใครมาบ้าง ก็เชื่อครับ บอกตรงๆ ใครจะว่างมงายก็เป็นเรื่องของใคร ส่วนผมถ้าไม่เจอด้วยตัวเองนี่ไม่มีวันเชื่อแน่ๆ จากนั้นท่านก็บอกผมว่าผมอายุ32ปี จะก้าวหน้าไปมากกว่าเวลานี้อีกมาก ผมฟังอย่างเดียวครับใจก็คิดว่ายาก จะให้ผมมานั้งสมาธิทุกวันสวดมนต์ไหว้พระ ยากครับความดีแบบนี้เกิดกับผมยาก อีกท่านยังยืนยันอีกว่าที่ผมไปฝึกมโนมยิทธิผมจะก้าวหน้ามาก และอีกหน่อยสามารถถอดกายในออกไปท่องเที่ยวที่ต่างๆได้ ถ้าผมเอาจริง และอดีตชาติผมที่เป็นใหญ่เป็นโตนี่ก็จริงตามที่ผมเห็น นั้นว่าเข้าไปนั้น บอกตรงๆครับเวลานั้นฟังก็คิดครับ ดูท่าจะเพี้ยนแน่แล้ว แต่มันแปลกตรงท่านทราบได้อย่างไรว่าอดีตชาติผมเป็นใคร และทำไมบอกตรงกับที่ผมฝึกญาน8 เพราะผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเพราะมันดูจะไปกันใหญ่ บ้าๆบวมๆ เคยเป็นใหญ่แต่ทำไมชาตินี้ลำบากจังไม่เกิดมาเป็นมหาเศรษฐี ต้องทำมาหากินด้วยความยากลำบาก เหนื่อย

นี่ครับคิดไปขนาดนี้และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ท่านผู้อ่านถามกันมามากและผมไม่เคยบอก อยากรู้กันจังอดีตชาติเป็นใครอะไรแบบนี้ อยากรู้เรื่องตัวเองก็ฝึกกันให้ได้และไปดูกันเอาเอง อย่าไปรู้เลยครับไม่มีประโยชน์ พอรู้แล้วก็มาคิดมาก แค่เห็นของผมเองผมยังคิดมาก จะให้ผมดูอดีตชาติคนอื่นปวดหัวครับ

เอ้าไหลอีก มาต่อครับ หลังจากวันนั้นผมก็ปฏิบัติของผมไปเรื่อยเวลานั้นก็นึกถึงเจ้าแม่กวนอิมครับนึกถึงที่ท่านเคยทำนายเรื่องผมไว้ วันนี้ฝึกมโนมยิทธิก็กะว่าจะดูสิว่าท่านอยู่ที่สวรรค์ชั้นไหน เพราะเห็นเขาว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์

ก็น่าจะอยู่ชั้นดุสิต หลังจากผมไปกราบพระเรียบร้อย ก็ขอบารมีพระท่านครับพาผมไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต เวลานั้นมาถึงผมรู้ได้ด้วยจิตว่าท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ก็กำหนดจิตขอบารมีพระ พาผมไปยังวิมานของเจ้าแม่กวนอิม ก็มีความรู้สึกว่ามาถึงแล้ว มีความรู้สึกครับว่านี่มันที่นิพพาน พื้นเป็นแก้วใสสว่างมากครับ เบื้องหน้ามีวิมานแก้วหลังโตสวยสดงดงามมากครับ ก็เดินเข้ามาผมเห็นเทวดาองค์นึงยืนอยู่กายเป็นแก้วใสสว่างมากหน้าหนุ่มหล่องดงามบอกไม่ถูกครับ ก็กราบท่าน เวลานี้มีความรู้สึกว่าท่านคือเจ้าแม่กวนอิม แต่ด้วยความสงสัยครับว่าทำไมหน้าท่านเป็นผู้ชาย ยังไม่ทันถามท่านตอบเลยครับ อย่าได้สงสัยนี่คือถูกต้องตรงตามความเป็นจริงทุกประการ วันนี้ขึ้นมาหาข้างบนเลยนะ. หมั่นฝึกฝนให้คล่องตัวอีกหน่อยผมจะมาแบบถอดกายในมาได้ จากนั้นท่านก็แนะนำให้ผมไปกราบท่านอื่นๆอีก ก็ส่วนใหญ่ก็สอนเรื่องสมาธิเป็นหลัก หลังจากนั้นก็กราบลาท่านและออกจากสมาธิ

ด้วยความที่อยากจะรู้ว่ามันจริงไหม ผมก็กะว่าพรุ่งนี้จะไปหาป้าวัตรและก็เข้าทรงคุย ประมาณว่าจะจับผิดจะเรียกลองของก็ไม่ผิด กะลองดูสิว่าองค์ที่มาลงป้าวัตรนี่ของจริงไหมหรือที่ผมไปพบมาของจริงไหม

รุ่งขึ้นก็แต่เช้าครับ มาบ้านป้าวัตรแต่เช้าวันนั้นพอลงประทับทรงก็เอาเลยครับ ยังไม่ทันพูดอะไร ท่านถามว่าเมื่อวานคุยกันยังไม่พออีกหรือจบกันผม ท่านพูดมาแบบที่ผมไม่ต้องพูดอะไรนั่งนิ่งแกมสำนึกผิดคิดลองของ ผมว่าท่านทราบครับเวลานั้นสิ่งที่ท่านพูดก็เรื่องเดิมๆที่คุยกันข้างบน นั่งมึนอยู่พักท่านเมตตาสอนว่าการที่ผมสงสัยในสิ่งที่ผมได้แล้วจะทำให้การปฏิบัติไม่คืบหน้า และหมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ อีกหน่อยก็ถอดกายในมาทั้งตัวได้ การฝึกแบบนี้หากฝึกต้องล็อคประตูอย่าให้ใครมารบกวน วันนั้นท่าสอยเยอะครับร่วมชั่วโมงจำไม่หมด สวนใหญ่พูดเรื่องเดิมที่คุยกับท่านวันก่อน (สงสัยท่านจะทราบว่ามันก็ยังสงสัยของมันไปเรื่อยอยู่ดี) จากนั้นกราบขอขมาท่าน ครับ

พอท่านถอยออก ป้าวัตรก็ถามผมยาวเป็นยังไงมั่งก็เล่าให้แก่ฟังอีกรอบ คุยไปคุยมาวกมาคุยเรื่องหลวงพ่อ รู้จักกันมาตั้งนานป้าวัตรไม่เคยเล่าเรื่องหลวงพ่อเลยครับ อาจเป็นเพราะไม่เคยคุยกัน วันนี้ชุดใหญ่ ก็จะเล่าพอสังเขประหว่างหลวงพ่อกับป้าวัตรครับ

ป้าวัตรเล่าให้ฟังผมจำได้ไม่หมดเอาคราวๆครับ แกเป็นคนอุทัยธานีครับ สมัยนั้นแกก็ฝึกสมาธิแต่ของแกฝึกแบบสุขวิปัสสโก มีอยู่ครังนึ่งมีคนมาบอกบุญและแกก็ได้ยินชื่อพระมหาวีระ พอท่านได้ยินชื่อนี้เกิดปีติ เหมือนกับว่ารู้จักพระรูปนี้ แล้วก็ได้เรื่องครับได้ยินชื่อพระมหาวีระทีไร มันกระวนกระวายใจ อยากจะไปพบไปกราบท่าน ก็ไปจนเจอครับแกเล่าว่า

วันนั้นก็ไปหาท่านที่วัด พอไปถึงก็ถามพระบริเวณนั้นว่าหลวงพ่ออยู่ไหม พระรูปนั้นก็บอกอยู่เข้าไปได้เลย พอแกเดินเขามากลับมองไม่เห็นหลวงพ่อ แกก็นึกเอไหนบอกว่าอยู่ ก็หันหลังเดินกลับได้ยินเสียงหลวงพ่อเรียก นั่นจะไปไหนกันล่ะลูก แกตกใจหันกลับมาเจอหลวงพ่อท่านนั่งอยู่ก็ตกใจ ถามท่านว่าอ้าวหลวงพ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่านตอบว่าก็นั่งตรงนี้ตั้งนานแล้วมาเข้ามาใกล้ๆลูก ป้าวัตรเล่าด้วยแววตาที่ปิติ (ป้าแกบอกสงสัยหลวงพ่อหายตัวได้ ) หลวงพ่อท่านบอกป้าวัตรว่าที่ทำอยู่ดีแล้วนะลูก จากนั้นป้าวัตรก็ปฏิบัติเรื่อยมา มีครั้งหนึ่งแกไปบวชที่ศูนย์พุทธศรัทธา เวลานั้นหลวงพ่อละสังขารแล้วแกนั่งสมาธิอยู่ หลวงพ่อมายืนอยู่ตรงหน้า ป้าวัตรบอกว่าแกรู้สึกว่ามีคนมายืนข้างหน้า แกเลยลืมตามองเห็นหลวงพ่อก็ถามหลวงพ่อว่าหลวงพ่อตายแล้วมาได้ยังไงคะ หลวงพ่อตอบว่าฉันยังไม่ตายอยากได้พระธาตุรึ จากนั้นหลวงพ่อก็ส่งพระธาตุให้ป้าวัตรครับ แกก็เก็บใส่กระเป๋า ผมลืมถามว่าแกยังเก็บไว้อยู่ไหม จริงๆแกเล่ามากกว่านี้ครับจำได้ไม่หมดไว้มีโอกาสจะมาเพิ่มเติมให้ครับ

ป้าวัตรนี่แกไม่เคยเล่าเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังอีกทั้งบอกผมว่าอย่าไปเล่าให้ใครฟังนะเขาจะหาว่าบ้า ก็ไม่เป็นไรครับใครจะว่าบ้าก็เป็นเรื่องของเขา ผมบ้าหรือไม่บ้าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆผู้อ่านๆเรื่องของคนบ้าก็คงจะบ้าพอๆกัน ก็เอาเป็นว่าเราบ้าพอกัน บ้านี่บ้าความดีครับ…..

20-09-2011, 04:21 PM

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top