ตอน 13

by admin

ตอน 13

by admin

by admin

ขอให้คำแนะนำเรื่องมโนมยิทธิกันสักนิด..

ท่านผู้ฝึกใหม่สนจิตสนใจถามกันมามากว่า ฝึกเองได้ไหม ทำไมไปไม่ได้ ทำไมไม่เห็นมีใครมายื่นตรงหน้า หรือบางคนขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไม่ได้ เข้าพระจุฬามณีไม่ได้ คำถามเยอะ ก็เอาง่ายๆนะครับ

ฝึกเองได้แต่ไม่แนะนำเพราะคุณอาจจะไปไม่ได้ ขอครั้งแรกครั้งเดียวครับ ให้มีครูฝึกหลังจากนั้นก็ฝึกเองได้ ก่อนฝึกให้ท่านหัดภาวนา หายใจเข้าว่า นะมะ หายใจออกว่า พะทะ ให้ชินก่อนครับ เมื่อรู้สึกว่าเริ่มชินก็ฝึกจับภาพพระพุทธรูปที่เราชอบที่สุด

เมื่อทำคล่องทั้ง2อย่างนี้ และรักษาศีลให้บริสุทธิครับ หากศีลไม่บริสุทธิคุณอาจไปไม่ได้อันนี้สำคัญ ภาวนาให้คล่อง จำให้ได้ ศีลไม่ขาด โอกาสฝึกได้ก็ไม่ยากครับ

ส่วนอยากรู้อยากเห็นนี่ห้ามกันไม่ได้ ก็เข้าใจครับแต่มันจะเป็นตัวขวางคุณและทำให้ฝึกไม่ได้ เอาเป็นว่าเวลาฝึกทำอารมณ์ใจสบายๆไปได้ก็ดีไม่ได้วันหลังเอาใหม่ครับ บางคนเขาเขาฝึกมามากยังไปไม่ได้มีถมไปครับ เมื่อฝึกได้แล้วหลายคนสงสัย ไม่หลายล่ะ สงสัยมันทุกคนก็ไม่แปลกครับสงสัยได้แต่อย่าสงสัยเวลาฝึก หากหลังฝึกสงสัย ก็ฝึกบ่อยๆ อาการสงสัยจะเบาบางลงครับ เมื่อฝึกได้แล้วอย่าทิ้งครับมันจะเสื่อม เมื่อเสื่อมแล้วกลับมาฝึกใหม่ก็จะยากกว่าเก่าครับ ใครสะดวกเสาร์ อาทิตย์ ก็ไปกันได้ครับ ศูนย์พุทธศรัทธา สระบุรี ไม่แน่อาจจะไปเจอผมที่นั้นครับ

เดี๋ยวนี้มีรถตู้ไปก็สะดวกดีครับ แหมวันก่อนมีน้องสาวนักศึกษา นั่งรถตู้ไปฝึกทั้งที่ไม่เคยไปมาก่อน แหมน่าทึ่งครับไปคนเดียวอีกตะหาก อย่างนี้เรียกเอาจริงครับและวันนั้นเธอก็ฝึกได้ด้วย

ความจริงเรื่องของพระนิพพานนี่ถ้าเราแม้จะได้ทิพจักขุญานก็ดี จะได้มโมยิทธิก็ดี จะได้ อภิญญาก็ดี จำไว้ด้วยนะ

ถ้าหากว่าจิตของเราเข้าไม่ถึงโคตรภูญาน เราจะไม่สามารถเห็นพระนิพพานได้เลย เว้นไว้แต่พระโพธิสัตว์ ถ้าพระโพธิสัตว์ทำได้ ถ้าพระโพธิสัตว์มีบารมีตั้งแต่ อุปบารมีขึ้นไปอันนี้สัมผัสนิพพานได้เป็นปกติ เพราะกำลังใหญ่ สำหรับสาวกภูมินี่ถ้ามีอารมณ์ไม่ถึงโคตรภูญาน โคตรภูญานนี่ระหว่างโลกีย์กับโลกุตระ คืออยู่กลางๆจิตอยู่กลางๆจะเป็นปุถุชนก็ไม่ใช่เป็นพระโสดาบันก็ไม่ใช่ เหมือนกับคนยืนคล่อมลำรางเล็กๆเท้าซ้ายอยู่ฝั่งนี้เท้าขวาอยู่ฝั่งโน้นยังไม่ยกเท้าซ้ายมาและยังไม่ยกเท้าขวาไป อารมณ์ตอนนี้เป็นอารมณ์กลางๆท่านเรียกโคตรภูญาน ถ้าอารมณ์เข้าถึงตอนนี้จึงจะจับสัมผัสพระนิพพานได้ ถึงแม้ว่าจะได้ทิพจักขุญาน มโนมยิทธิ หรืออภิญญาก็ตาม มีต่อเว้นไว้แต่พระโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์ไม่มีโอกาสได้เป็นพระอริยเจ้าจนกว่าจะได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญานด้วยตนเอง

ดังนั้นจงจำไว้ว่า ถ้าท่านผู้ใดสามารถฝึกมโนมยิทธิหรือทิพจักขุญาน ถ้าได้แล้วถ้ากำลังใจของท่านหยั่งเข้าสู่พระนิพพานได้ คือเห็นพระนิพพานได้ ถ้าเป็นพวกทิพจักขุญานหรือว่าพวกที่ได้มโนมยิทธิสามารถเข้าไปสู่แดนพระนิพพานได้ พึงทราบว่ากำลังใจของท่านเวลานั้นอย่างเลวตกอยู่ในเขตโคตรภูญานหรือพระโสดาบันแล้วจึงจะไปได้

(ปฏิปทาท่านผู้เฒ่าม้วน10หน้าA)

สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ให้คาถา “ปราโมทย์” โดยทรงปรารภว่า ต่อไปเมื่อเธอภาวนาคาถาปราโมทย์นี้แล้วอะไรทุกอย่างนี่เห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะว่าเธอนี่เวลานี้เห็นนิมิตอะไรก็ตามดูนิมิตอะไรก็ตามนี่เห็นคลุมเครือไปหมด

ถ้าใช้คาถาบทนี้แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะสว่างแจ่มใสเหมือนกับพระอาทิตย์ในเวลาเที่ยง แต่ความจริงอารมณ์แจ่มใส ประเภทนี้ตามแบบจะต้องมีสำหรับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ถ้าว่าในตอนนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนท่านมาอย่างนั้น ท่านไปเฝ้ามา ไอ้เราก็ว่าไปตามบันทึกของท่านนะจะมาโมเมโปเปกานาอะไรกับผมไม่ได้ทั้งนั้นน่ะ

ถ้าใครทำได้ก็ได้ไม่ได้ก็แล้วไปใครได้มโนมยิทธิก็ลองสอบกันเอา เพราะมโนมยิทธิเป็นเครื่องสอบความรู้ทางพระพุทธศาสนาและการปฏิบัตินี่ก็ความจริงมันก็เรื่องของใครของมันเหมือนกันจะทำเหมือนกันทุกอย่างนั้นมันไม่ได้

งั้นก็มาว่าต่อไปดีกว่า ว่าคาถาปราโมทย์ที่ทำให้สมาธิจิต มีทิพจักขุญานแจ่มใสแกจำภาพเห็นภาพนิมิตทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยชัดเจนแจ่มใสเหมือนกลางวันคือพระอาทิตย์เวลาเที่ยง ท่านว่าไว้ยังไง อีกนิดอ่านอีกหน่อยซิ ตรวจโดยสร้างนิมิตเปรียบเทียบปรากฎผลว่าภาพนิมิตและการตรวจสอบใดๆจะชัดเจนขึ้นจะมีภาพแจ่มใส ท่านว่าอย่างนั้น

สำหรับคาถาภาวนานี่ให้ภาวนาว่า “ปราโมทย์” เฉยๆโดยจับลมหายใจเข้าออกเหมือนกันแล้วก็ภาวนาว่า ปราโมทย์ ปราโมทย์ หลังจากนั้นมาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงสอนให้เจริญอริยสัตย์ตามที่ได้อธิบายมาแล้ว

ที่นี้ก็มาว่าต่อไปหลังจากอริยสัตย์ท่านก็บอกว่า ในการต่อไปในการต่อมาอีกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เจริญพรหมวิหาร4 เอาล่ะซิ โดยแจ้งว่าจะทำให้การรู้การเห็นต่างๆชัดเจนดีขึ้น นี่จำให้ดีนะ ว่าท่านที่ได้ทิพจักขุญานแล้วก็ดี ท่านที่ได้มโนมยิทธิแล้วก็ดี ที่มีอารมณ์ไม่แจ่มใสเห็นอะไรไม่ชัดไม่เจนว่ากันตามลำดับมาท่านก็บอกว่าถ้าใช้พรหมวิหาร4และก็นิมิตต่างๆถ้าจิตเราทรงพรหมวิหาร4จริงๆ และความจริงพรหมวิหาร4นี่เป็นอารมณ์เยือกเย็นทำอารมณ์ให้ผ่องใสได้ง่ายจริงๆเป็นของไม่ยาก

(ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า ม้วนที่8หน้าA)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top