ยกศาลพระภูมิ

by admin

ยกศาลพระภูมิ

by admin

by admin

คราวนี้มาว่ากันถึงการยกศาลพระภูมิดีตรงไหน นี่อาตมาขอสนับสนุนว่าดีจริง ๆ แต่ท่านยกแล้วท่านต้องทำให้ถูกดีนะมันถึงจะได้ดี ถ้าหากว่าท่านทำไปแล้วไม่ชนดี มันก็ไม่พบดีเหมือนกัน การจะชนดีจะพบดีจะถึงดีเอากันยังไง ว่ากันตอนนี้ เมื่อยกศาลพระภูมิขึ้นมาแล้ว ควรบูชาทุกวัน


ถ้าจะมีกล้วย อ้อย น้ำท่าบ้างก็ตามอัธยาศัย ขนมนมเนยอะไรก็ตาม ให้เป้นไปตามอัธยาศัยของท่าน เวลาบูชาเทวดาจุดธูปกี่ดอก พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้ ที่เขามาโมเมกันในตอนหลัง ว่าจุดบูชาผีเท่านั้นดอก บูชาพระเท่านั้นดอก บูชาครูบาอาจารย์เท่านี้ดอก นี่มันเรื่องของคนที่คิดขึ้นทีหลัง จะจุดธูปเทียนกี่ดอกตามใจท่าน ท่านจะจุดเท่าไรก็ตามไม่เป็นไร


ที่นี้ตอนบูชา บูชาแบบไหน ถ้าเราไปนั่งบูชาบอกภุมเทวดาเจ้าคะเจ้าขากรุณาฉันเถิด เวลานี้ที่บ้านฉันเกิดไม่ดีขึ้นแล้ว ผัวออกนอกบ้าน เมียนอกใจ คนใช้ว่าไม่นอนสอนไม่ได้ ขอให้เทวดาช่วยกำจัดให้ด้วย ไปตามผัวให้ที ไปตามเมียให้ที หรือว่าเวลานี้ฉันอยากจะถูกหวยรวยโป อยากจะค้าขายให้มันรวย ถ้าบูชาแบบนี้ไม่เป็นเรื่องแล้ว ไม่ใช่บูชา กลายเป็นเอาเทวดาเป็นคนรับใช้ไป ไม่ถูก แบบนี้ไม่ถูก
การบูชาเขาต้องบูชาแบบนี้ คำว่าบูชาแปลว่ายอมรับนับถือ ก็หมายความว่าเรายอมรับนับถือความดีของท่านภุมเทวดา คิดว่านี่ท่านจะเป็นเทวดาขึ้นมาได้ มีเครื่องทิพย์บริโภค มีร่างกายทิพย์ มีวิมานเป็นที่อยู่เป็นทิพย์


เวลานี้เรายกศาลข้น ความจริงท่านไม่ได้มาอยู่ที่ศาลของเราศาลนี่..เดิมทีสมัยโบราณ เขามีไม้กระบอกปักไว้กลางแจ้ง เวลาจะบูชาก็เอาธูปเทียนไปปักที่กระบอก ต่อมาเห็นว่าถ้าจะมีอะไรให้บ้างก็ไม่มีที่จะวาง ก็ทำศาลเพียงตา ทำเป็นศาล 2 ชั้น คิดว่าเทวดาท่านนั่งชั้นบน แล้วเอาของว่างชั้นล่าง ท่านก็เอื้อมมาหยิบกิน ต่อมาเมื่อฝนตกแดดออกจึกสงสารเทวดาขึ้นมาก็เลยเอาร่มไปกางให้ ทีหลังเห็นว่าท่านั้นไม่เหมาะ ก็เลยเอาใหม่ทำบ้านให้มีหลังคา มีฝาครอบ นี่เป็นเรื่องของเราเอง


มาสมัยนี้เลยมีตึกมีปราสาท รู้สึกว่าเทวดามีวาสนาบารมีมากขึ้นหน่อย อย่างนี้จะทำแบบไหนก็ตาม เทวดาท่านไม่ได้ขึ้นอยู่ วิมานของท่านมี แต่การทำแบบนี้เป็นการยอมรับนับถือซึ่งกันและกันเป็นการบูชาความดี อย่ามานึกว่าท่านมาอยู่บนศาลนะ ไม่ใช่ยังงั้นศาลเล็กจุนจู๋แค่นั้นท่านต้องขดตัวเข้าไปนอนเห็นจะไม่ไหว ภุมเทวดมีร่างกายใหญ่โตกว่าคนมาก
เป็นอันว่าการบูชา ถ้าจะบูชาให้ถูกเขาบูชากันแบบนี้ จำได้แล้วใช่ไหม คำว่าบูชาแปลว่ายอมรับนับถือ

ตานี้เรามานับถือท่านตรงไหนล่ะ ยอมรับนับถือตอนที่ท่านมีความดี คือว่าก่อนที่ท่านจะเป็นเทวดาท่านมี หิริ และ โอตตัปปะ หมายความว่ามีความอายความชั่ว กลัวผลของความชั่วจะให้โทษเป็นทุกข์ ก็เลยไม่ทำความชั่วเสียเลยทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง เมื่อท่านไม่ทำความชั่วก็เลยไปเกิดเป้นเทวดาชั้นี้ เป็นเหตุให้พวกเราบูชากัน


แม้แต่หน่วยราชการเขาก็ยกศาล วัดที่มีความรู้เขาก็ยกศาลเหมือนกัน วัดที่มีพระได้ฌานสมาบัติ บางท่านเป็นพระอริยเจ้า ท่านก็ยกศาลเหมือนกัน แต่ยกเป็นศาลใหญ่ไม่ใช่ศาลเล็ก ๆ ท่านยกทำไม ท่านยกเป็นการประกาศความดีของเทวดา สำหรับท่านที่ได้ฌานสมาบัติได้ทิพจักขุญาณทำมากเพราะอะไร เพราะท่านพวกนี้ท่านเห็นจริง ๆ เห็นผลความดีของท่านพวกนี้


เมื่อยกศาลขึ้นแล้ว พอมองเห็นศาลก็นึกว่าท่านพวกนี้ ท่านทำความดีไว้ก่อน ตายแล้วจึงได้เป็นเทวดา ท่านก็เลยตั้งมโนปณิธานปรารถนาทำใจให้สบาย คิดว่าเราเองเราก็จะเป็นเทวดาอย่างท่านบ้าง อย่างน้อยที่สุดเราก้เป็นผู้มีหิริและโอตตัปปะเอาเทวดาท่านพวกนี้เป็นครูสอน


ที่ยกศาลขึ้นมา บางทีไม่เห็นตัวท่านจะได้นึกได้ว่า นี่เป็น สถานที่ที่เราบูชาเทวดา เวลานึกขึ้นได้แล้วก็นึกขึ้นมาว่าท่านเป็นเทวดาเพราะอะไร เพราะ
1.อายความชั่ว
2.เกรงกลัวผลของความชั่ว


ท่านก็เลยเตือนตัวท่านว่าเราจงเป็นผู้อายความชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่วเหมือนท่านเทวดาอย่างนี้ แล้วก็ปฏิบัติตามนั้นนี่อย่างนี้เรียกกันว่าบชา คือเป็นปฏิบัติบูชา หากว่าเราจะบูชาเพียงอามิสบูชาเฉย ๆ เอาข้าวเอาน้ำไปให้ท่าน จุดธูปจุดเทียนไปให้ท่านแล้วเราก็สร้างความชั่ว อย่างนี้ไม่มีผลนะ
บรรดาท่านพุทธบริษัทต้องบูชาตามแบบฉบับที่พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติ คือปฏิบัติบูชา ถ้าหากว่าท่านบูชาภุมเทวดา แบบนี้จำไว้ว่าภุมเทวดาทุกท่านมีเครื่องทิพย์เป็นเครื่องบริโภค มีร่างกายเป็นทิพย์ มีความสุข ไมหนาวไม่ร้อน ไม่หิวไม่กระหาย ไม่ป่วยไข้ ไม่สบาย ไม่แก่เฒ่า หนุ่มเท่าไร ก็เท่านั้น เกิดปุ๊ปก็หนุ่มเลย แล้วไม่มีการแก่ เทวดามีความดีอย่างนี้เพราะอะไร เพราะมีความดีคือไม่ทำความชั่วในที่ลับและที่แจ้ง
เราก็เลยตั้งใจว่าขอให้เทวดาคนนี้เป็นครู จะเอาปฏิปทาของท่านนี้มาเป็นครูของเรา เราจะขอเอาเทวดาองค์นี้เป็นสักขีพยานในการปฏิบัติความดีของเรา อย่างน้อยที่สุดเราตายไปขอให้ได้เป็นเทวดาอย่างท่าน นี้เป็นอย่างน้อยนะ


แล้วก้ตั้งใจบูชาด้วยความเคารพ การาบก็ได้ไหว้ก็ได้ ไม่เสียหาย แล้วก็นึกถึงความดีของท่าน ตั้งใจอายบาป ตั้งใจเกรงกลัวบาป เรียกว่าอายชั่ว กลัวชั่ว อย่างนี้ชื่อว่าท่านทำตัวเหมาะสมกับการบูชาภุมเทวดาแล้ว

เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัท เรื่องราวภุมเทวดานี่จะพูดกันจริง ๆ พูดกันทุกวันเดือนหนึ่งไม่จ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะอาตมาเองก็เคยประสบเรื่องราวของภุมเทวดามามาก แต่ว่าอาศัยการพูดนี้เป็นการพูดเพียงเพื่อให้เป้นตัวอย่างเท่านั้น เพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นเทวดาได้เพราะอะไร แล้วก้ภุมเทวดาเป็นเทวดาที่เขาบูชากันมาก ตั้งศาลกันมาก แล้วก็มีนักปราชญ์หลายท่านคัดค้านกันมาก ก็เลยเอาสิ่งที่ควรบูชาและบูชาแบบไหนมันถึงจะถูกมาพูดให้ฟัง..

โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ…หนังสืออุทิศส่วนกุศล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top