ตอนที่ 45

by admin

ตอนที่ 45

by admin

by admin

ผีป่า

สวัสดีครับ วันนี้วันที่ 26 มีค 2556  ไม่ได้เล่าอะไรต่อมิอะไรมาตั้งนานก็เอาซะหน่อย  บางเรื่องที่เล่าในเฟซบุคก็ไม่ได้เอามาเล่าในนี้นะครับ ก็ขอย้อนกลับไปเสียหน่อยนะมันเชื่อมโยงกันกับเรื่องในเฟซบุคผู้ที่มาใหม่ก็จะได้รู้เรื่องรู้ราว  ก็ย้อนไปเมื่อ 15 มีค 56  เมื่อวานนี้ใช้ญานนานกว่า4ชั่วโมง สงเคราะห์ ป้า แม่ น้อง เพื่อนน้อง และสาวน้อยลูกสาวของเพื่อนน้อง เมื่อวานก่อนใช้ญานมีอารมณ์ใจหงุดหงิด แต่พอตั้งกำลังใจจับภาพพระจนถึงฌาน4 ใจสบาย อารมณ์ใจดีขึ้น หายจากอารมณ์หงุดหงิด จากนั้นก็ทรงไว้ที่อุปจารสมาธิ แล้วสงเคราะห์ มีท่านท้าวมหาราชมาหนึ่งท่าน ท่านต้องการให้สงเคราะห์คนของท่านคือป้าของผมให้เข้าใจพุทธศาสนา ป้าผมเป็นพุทธศาสนามาแต่เกิด จะทำอย่างไรให้เข้าถึงก็ต้องใช้ธรรมของสมเด็จท่าน ให้ตรงกับจริตป้า แต่ก่อนอื่นต้องทำให้ป้าเชื่อมั่นในตัวผมก่อน เมื่อก่อนแก่เห็นว่าเราเป็นอย่างไรวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังเลวอยู่ ก็ใช้ญานดูแล้วทัก จนแกเชื่อมั่นว่าเราทำได้จริง จากนั้นก็ป้อนธรรมะให้จนทำให้แกคิดจะเริ่มปฏิบัติพระกรรมฐาน จากนั้นก็จัดเต็มให้เพื่อนน้อง แต่เพื่อนน้องนี่ยังเข้ามาปฏิบัติยาก ปัญหาทางโลกเยอะ คงต้องป้อนเรื่อยๆ บางทีบางครั้งการที่เราใช้สิ่งที่เราฝึกปฏิบัติมามันก็สามารถสร้างกำลังใจให้ผู้อื่นได้ไม่มากก็น้อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

ไฮไลท์จากการใช้ญานวันก่อนอยู่ที่น้องข้าวหอม ข้าวหอมนี่เป็นลูกสาวเพื่อนน้อง แรกๆผมไม่ได้สนใจ ที่ไม่สนใจก็เพราะไม่ค่อยชอบเด็กซักเท่าไหร่ ชอบตอนเริ่มสาวมากกว่า เอ้าว่าไปนั่น ข้าวหอมเดินขึ้นเดินลงบันไดอยู่หลายครั้งจนเราก็คิดว่าดีละที่กูไม่มีลูก ปวดหัวตาย ระหว่างนั้นนั่งคุยกับป้าแดงอยู่เรื่องที่ป้าแกฝันเรื่องนี้บ่อย แกบอกว่าฝันว่าไปที่ๆหนึงยอดแหลมๆสูงๆ เวลานี้ภาพปรากฏขึ้นผมรู้ทันทีว่านั่นคือเวชยันตวิมาน ไม่เอาดีกว่าปล่อยผ่านไป เอาเรื่องเด็กดีกว่า ระหว่างที่คุยกับป้าแล้วข้าวหอมเดินลงบันไดมา ภาพปรากฏเป็นนางฟ้าสวยงามมาก แหมชักสนละเห็นว่าสวยเลยสน ก็ดูต่อ เธอสวมชฏาสวยมากสีทองอร่ามกำลังเดินลงไปเล่นน้ำแต่เดินไปนี่รำไปด้วยกึ่งเดินกึ่งกระโดดกึ่งรำ เออเอากะมัน เธอดูเพลิดเพลินจนทำให้ผมหันกลับไปมองข้าวหอมที่เดินลงบันไดมาจากข้างบน ผมถามพ่อเธอว่าเธอชื่ออะไร จากนั้นผมเรียกเธอโดยมองไปในลูกตาเธอแล้วคุยกับเธอ

ผม: ข้าวหอมเรารู้จักกันมั้ย 

ข้าวหอม: หันมามองแล้วพยักหน้าบอกรู้จัก

ผม: เราเคยเจอกันที่ไหน

ข้าวหอม: บนนู้น 

ผม: ข้างบน แล้วหนูจำท่านย่าได้มั้ยลูก

ข้าวหอม: จำได้

แหมคุยกะเด็กก็สนุกเหมือนกันแฮะความจริงคุยเยอะกว่านี้แต่ก็ไม่มีอะไรสำคัญ  คุยอยู่พักนึงก็บอกทุกคนว่าเออเด็กคนนี้มองเห็นผีนะ เท่านั้นแหละครับขนลุกกันหมด ที่ขนลุกกันหมดก็เพราะเพิ่งจะเห็นผีเมื่อวันก่อนที่โรงแรมในเชียงใหม่เล่นเอาพ่อแม่มันและน้องผมหลอนกันไป เพราะคุณเธอเล่นชี้ไปที่หน้าห้องบอกผีๆใส่เสื้อสีแดงยื่นอยู่ตรงนั้น เออเห็นมั้ยบอกแล้วว่าเด็กคนนี้เห็นผีได้ ยังไม่จบผมทักต่ออีกว่าแล้วชอบจริงๆนะรำเนี้ย เวลารำจะรำไม่หยุด เท่านั้นแหละแม่ของน้องข้าวหอมเริ่มสนใจตัวผมขึ้นทันที แม่เธอบอกว่าลูกชอบมากรำเนี้ยชอบจริงๆ ผมใส่ต่อว่ายิ่งลิเกนี่ชอบใหญ่ แม่เธอหัวเราะชอบใจบอกว่าข้าวหอมชอบดูลิเกมากพากลับไม่ยอมกลับร้องจะเป็นจะตาย ทีนี้แม่เธอชักงงว่าผมรู้ได้ยังไง ผมเลยเล่าอดีตชาติข้าวหอมให้แม่เธอฟัง ว่า เด็กคนนี้เคยเป็นนายของแม่เธอและพ่อเธอมาก่อน สมัยนู้นนน ส่วนพ่อน่ะเป็นทหาร แม่เป็นนางสนองพระโอษฐ์ ลูกเป็นธิดากษัตริย์ ผมหันไปถามแม่ว่าเคยไปสุโขทัยมั้ย เธอบอกยัง ผมหันไปถามพ่อเธอว่าอยากไปมากมั้ยสุโขทัยน่ะ พ่อเธอบอกว่านี่ก่อนลงจากเชียงใหม่ก็จะแวะแต่น้องผมรีบเลยไม่ได้แวะ อยากไปมาก แล้วถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่าเขาอยากไป

ผมก็ขำครับแล้วก็เล่าอดีตและความเกี่ยวเนื่องกับเมืองสุโขทัยให้ฟังยาว อันนี้ก็เป็นเรื่องของอดีต พ่อเธอเริ่มถามอนาคต ผมก็ดูให้ทุกอย่างที่อยากรู้ ความจริงไม่ค่อยจะดูหรอกครับแต่พักหลังๆมานี่ไม่ค่อยได้ใช้นาน เพราะไม่ค่อยได้คุยกับใครแล้วไม่ได้ดูให้ใคร เลยเอาวะกูมีคนมาให้ลองฝึกหลายคนก็เอาซะหน่อย ดูซิว่าเราคล่องขึ้นหรือแย่ลง ดูไปดูมาเลยให้ผมไปสวมจิตผู้ชายคนนึงเพราะต้องการจะรู้ว่า คนๆนี้คิดอะไรยังไงตอนนี้ ผมก็บ้าๆเอาวะ ปกติชอบสวมผู้หญิง เพราะจะบันเทิงกว่า นี่สวมผู้ชาย ก็เลยไป ผมบอกลักษณะนิสัยก่อนจากนั้น ค้นดูแล้วก็เล่าให้ฟัง ทุกคนอึ้งครับ บอกว่าผมพูดตรงตามความเป็นจริงมาก จากนั้นให้ดูหมอดูประจำตัวของผู้ชายคนนี้ซึ่งผมไม่เคยรู้จัก   ผมบอกรูปร่างลักษณะและทรงผมได้ถูกต้อง อันนี้ไม่ได้อวดว่าผมเก่งหรือแม่นนะ เพียงแต่เล่าให้อ่านเพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกของทุกท่าน ท่านทำอย่างผมได้แต่ต้องเอาจริงเหมือนผม   ดูไปดูว่าเพื่อนน้องเลยชวนผมไปงานตั้งศาลพระพรหม กับศาลเจ้าที่ วันเสาร์นี้ ผมก็เออไปก็ได้ จะให้ผมไปเชิญพรหมลงมาอยู่บ้านใหม่ ไอ้เราก็อ่อนใจเลยเล่าให้ฟังยาวเลยเรื่องวิมานของพรหมข้างบน จริงๆท่านไม่มาอยู่หรอกแหม วิมานออกจะใหญ่จะให้มาอยู่บ้านปูนหลังเล็ก มีม้า ช้าง นางรำ ก็รวมความให้ฟังว่า มันก็คือเทวตานุสตินั่นแหละ แต่ก็จะมีเทวดารักษาเขตท่านดูแล

นี่เป็นเรื่องราวก่อนเหตุที่จะเล่าให้อ่าน ออพ่อของข้าวหอมนี่มีชื่อว่าโต้งนะครับ โต้งนี่เป็นหุ้นส่วนน้องชายผมและมีโชคอีกคน  สองคนนี้ในอดีตเป็นนักรบมาก่อน ไม่ธรรมดา  ผมมีโอกาสส่องดูอดีตและความเกี่ยวเนื่องกันมาบ้างพอสมควร  เมื่อวันที่ 22 มีค ที่ผ่านมาช่วงเช้าผมต้องไปดูงานที่โรงพยาบาลแถวสีลม ระหว่างขับรถอยู่บนทางด่วน วามก็มานั่งข้างผม วามนี่เป็นใครมาจากไหนท่านก็ย้อนไปอ่านเอาก็แล้วกัน  วามมาบอกว่า 

วาม:พี่บอลวามใกล้จะได้เวลาๆปแล้วครับ

ผม:แล้วนี่จะมาเกิดเป็นลูกบาสมั้ย

วาม:หัวเราะ วามจะมาเกิดเป็นผู้ชายน่ะ ไว้จะไปจัดเต็มกับลูกสาวบาส

ผม:อ้าวนี่ลูกบาสจะเป็นผู้หญิงหรอแล้วนี่จะมาเมื่อไหร่ล่ะ

วาม:ช่วงสงกรานต์ครับ

ผม:เดี๋ยวพี่บอกบาสให้แล้วจะทำบุญใหญ่ไปให้

วาม:วามก็ไปหาบาสบ่อยแต่คุยกันไม่ได้มันหลับไม่รู้เรื่อง

ผม:ไว้พี่จะบอกให้นะ

วาม:วามไปละพี่บอล

พอวามไปผมหยิบโทรศัพท์โทรหาบาส 

ผม:บาสเมื่อกี้วามมาหาพี่

บาส:ขนลุกเลยพี่บอลเมื่อกี้เพิ่งพูดถึงพี่วามก่อนพี่บอลโทรมาเนี้ยกำลังคิดถึงเลย

ผม:วามมาบอกว่าจะไปแล้ว

บาส:ไปเกิดหรอ

ผม:ใช่ยังไงทำบุญให้มันหน่อยนะ

บาส:ครับ

หลังจากนั้นพักใหญ่บาสมันก็โทรมาชวนให้ไปหาที่วังน้ำเขียว ผมเลยถามว่าอยากเจอวามมั้ย  เดี๋ยวจัดเต็มให้  แหมมีรึจะพลาด  บาสนี่อยากเจอจัด  ผมมีข้อแม้ว่าศีลต้องได้นะ  อย่ากินเหล้า  มันก็รับปาก  เอ้าไปก็ไป ช่วงเย็นผมก็เดินทางไป   ระหว่างทางไปรถผมดันความร้อนขึ้น  ตอนนั้นอยู่แถวปราจีนบุรีผมก็แวะปั๊มดูก็หนักใจ  งานนี้กูกินข้าวลิงแถวนี้แน่ แหมนะเอาไงดีว่าแล้วก็วางใจเบาๆเข้าฌาน4  แล้วมาทรงไว้ที่อุปจารสมาธิ  ผมก็เรียกหาเจ้าเก่า ท่านจันทรเทวา  เอ้าไม่มา เอาไงล่ะเนี้ย ทีนี้ชักใจไม่ดี เวลานั้นราวๆทุ่มนึงได้  ก็เอาใหม่ท่านจันทรไม่มาก็ท่านไหนดีล่ะ เออแล้วเทวดาจะช่วยได้หรอวะไอ้ความร้อนขึ้นเนี้ย  ลองละกันผมกำหนดเชิญเทวดารักษาเขตแถวๆนั้นมา ก็มีมาองค์นึง ผมก็ขอท่านช่วยหน่อย  ท่านถามว่าจะให้ท่านตามช่างรึ  นั่นเอาแล้วองค์นี่หนินะ  ผมก็บอกท่านว่าผมจะไปวังน้ำเขียวแต่พอดีรถเสียความร้อนขึ้นเกือบสุดเกย์ครับ  ท่านก็พยักหน้ารับ  ผมก็ขับต่อเลย แปลกครับความร้อนมันกลับมาอยู่ตรงกลางไม่ฮีท  แปลกมากครับแรกๆผมก็ขับช้าๆประคองรถไปขับๆไปเออแปลกจริงความร้อนมันไม่ขึ้น  ทีนี้เหยียบกระจายซัดไม่มีต่ำกว่าร้อยหก  แน่ะดูซิเทวดาจะเก่งจริงมั้ย  คิดแค่นี้เองพักเดียวท่านมาเลย อีตอนนี้เริ่มคิดได้ว่าเรานี่มันเลวจริงๆท่านช่วยยังจะเยอะอีกกู  ก็เลยคุยกะท่านซะเลย  ท่านก็บอกว่าท่านมีชื่อว่าท้าวหิงสา คราวก่อนท่านเคยช่วยผมไว้วาระนึงแล้ว  ตอนนั้นผมหลับในเป็นครั้งแรกในชีวิต  เมื่อปี54 ผมมาเที่ยววังน้ำเขียว  ดูคอนเสิร์ตยาวจนตีสี่กว่าได้  ก็ขับรถกลับที่พักดันหลับซะหนิ ได้ยินเสียงคนเรียกเลยตื่น แหมไม่ตื่นละต้นไม้ข้างหน้าชัวร์   แหมอีตอนนั้นก็ไม่เห็นหรอกว่าใครช่วยรู้แต่ว่าโชคดีมาก  มารู้ก็นี่แหละเจอละ  คุยกับท่านพักนึงท่านก็ไปครับ  ผมขับมายันถึงวังน้ำเขียวเจอน้องจอดรออยู่ริมถนน  อีตอนนี้ความร้อนขึ้นไปสุดเกย์อีกละ  ดูสิบอกท่านว่าเอาให้ถึงมันยังไม่ถึงที่พักซะหน่อย  เกือบไม่รอด  ผมก็ขับมันทั้งอย่างงั้นเลยจนถึงที่พัก  

มาถึงราว2ทุ่มเศษแหมทั้งเจ้าบาสเจ้าโต้งพร้อมใจไม่กินเบียร์กันแต่วันนี้ผมก็ได้แนะนำเบื้องต้นให้บ้าง  ราวๆ5ทุ่ม โชค หุ้นส่วนของน้องอีกคนมาถึง  ก็เลยนั่งคุยกันยาว  ช่วงที่นั่งคุยนี่นั่งนอกบ้าน  ผมเห็นเทวดาผู้ชายมายืนมองอยู่ก็เลยแผ่เมตตาให้  ผมก็เล่าต่อว่านี่ไม่รู้พ่อคุณเค้าจะมาหลอกหรือเปล่า  ผมก็เริ่มเล่าให้คนอื่นฟังด้วย  เท่านั้นแหละบาสบอกพี่บอลวันก่อนข้าวหอมชี้มาตรงนี้แล้วบอกผีๆๆ  เล่นเอาหลอนกันไป  ผมบอกไม่ใช่ผีหรอกท่านเป็นเทวดา  ซักพักเดียวมีเสียงคล้ายนกหรืออะไรบางอย่างร้องกันระงมดังไปทั่วบริเวณ  ผมเห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้าไปหยิบมีดหมออาราธนาบารมีพระ หลวงพ่อและท้าวมหาราช  พอเดินออกมาจากบ้านเสียงเงียบกริบทันที  อีตอนแรกนี่น้องไม่เชื่อครับคิดว่าบังเอิญเดี๋ยวนกมันก็ร้องอีก  ผมก็แปลกใจพอกัน เออมันเงียบจริงๆว่ะ แปลกดีครับเงียบทันทีที่ผมเดินออกมาจากบ้าน  แต่มีดหมอนี่ผมใส่กระเป๋าไว้นะยังไม่ได้หยิบออกมา  เวลานั้นเห็นเทวดาท่านมา 2องค์ ถ้าเห็นไม่ผิดนะท่านยืนอยู่ด้วยกันมองมาทางผม  ไอ้ผมก็เล่นตัวเสียหนิไม่สนใจจะคุยกะเทวดา  แหมนะเชิญท้าวมหาราชท่านไม่มาท่านคงไม่ว่างเลยส่งบริวารมาแทนละมั้ง  แค่ท่านมายืนผีนี่กระเจิงหายเรียบ  ผมกลับมานั่งคุยต่อตอนนี้ทุกคนสงสัยว่าทำไมเงียบจัง  ด้วยความที่ผมสงสัยต้องการจะรู้ล่ะนะว่ามันเสียงอะไรเลยเข้าไปที่อุปจารสมาธิ  แล้วดู  ภาพที่ปรากฏนี่มันเป็นตัวอะไรบางอย่างคล้ายลิงแต่ตัวใหญ่กว่าดูไปดูมาก็คล้ายคน เออชักสับสนเอาเป็นว่าลูกครึ่งคนปนลิงก็แล้วกันตาโปนแดง  ไม่เดินนะมันกระโดดย้องแย้งๆ ไปรอบๆบริเวณ  อันนี้ใช้ญานถอยกลับไปดูนะ  พอรู้แล้วก็เออช่างมันแต่กูขอเอามีดหมอออกจากกระเป๋ามาวางบนโต๊ะก็แล้วกัน

ก็คุยกันต่อครับช่วงนี้ผมก็เล่าอดีตชาติของแต่ละคนให้ฟังและกรรมดีกรรมไม่ดีต่างๆของแต่ละคนที่ทำให้ต้องมาพบเจอกันและทำงานร่วมกันในปัจจุบัน  คุยได้พักเดียวมีความรู้สึกว่าไอ้ตัวนั้นน่ะมันมายืนอยู่ข้างหลังบาสที่นั่งอยู่ข้างๆผม  ไอ้ตัวนี่มันทำท่าทางเหมือนจะกระโจนเข้าข้างหลังครับ  เวลานี้น้องผมสัมผัสได้ ผมหันไปถาม

ผม:รู้สึกอะไรมั้ย

บาส:รู้สึกๆเย็นวาบๆที่หลังและขนหัวลุก

ผม:นั่นแหละมันมายืนอยู่ข้างหลัง

บาส:รู้สึกเย็นขนหัวลุก

ผม:มันทำท่าเหมือนจะโดดเข้าใส่จากข้างหลัง

บาส:ตอนนี้มันอยู่ตรงไหน

ผม:มันวิ่งไปรอบๆที่เรานั่ง

เวลานี้บาสมันก็หยิบมีดหมอไปถือไว้ครับ  เทวดาท่านยังยืนอยู่ ผมคงต้องสนใจท่านแล้วสินะ  ผมก็ถามท่านครับว่าไอ้ตัวนั้นมันตัวอะไร ท่านบอกว่ามันเป็นผีที่อยู่ในป่าบริเวณนี้แหละ ผมยังสงสัยครับว่าทำไมมันมีลักษณะอย่างนั้น ยังไม่ทันได้ถามต่อ ท่านบอกต่อว่าตอนที่ผมแผ่เมตตาให้เทวดากับบริวารบริเวณนั้นน่ะมันเกิดแสงสว่างสีขาวนวลสว่างไปทั่วบริเวณ  พวกผีป่า วิญญาณแถวนั้นมันก็วิ่่งเข้าหาต้นตอ  นั่นไงผมไม่แปลกใจละแผ่เมตตาทีไรแห่มาเพียบทุกที  ทีนี้ผมเอาอีกครับแผ่ให้ผีพวกนั้นอีกรอบคิดว่าผมรักผีพวกนั้นเท่ากับผมรักตัวผมเองแล้วขอบารมีพระและหลวงพ่อแผ่ไปเต็มกำลัง  ก็ไม่รู้ว่ามันรับได้กันมั้ยอันนี้ก็เป็นเรื่องของพวกมัน  แต่วันรุ่งขึ้นนี่ไม่มีใครมา เงียบกริบ  คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็งงๆกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วสินะ  ก็รวมความว่าผีป่า สัตว์ป่า หรือสัมภเวสีพวกนี้นี่เราควรใช้ความเมตตาให้มาก  โอกาสที่จะเปลี่ยนภพภูมินี่น่าหนักใจ กว่ามันจะได้เป็นมนุษย์หนักพอตัว กว่าจะเข้าวัดทำบุญก็อีกแสนนาน  ต่างกับเราผู้เข้าถึงไตรสรณคม เมื่อเราเข้าถึงแล้วทำตนให้เป็นผู้มีสติครองตนให้สมกับการเกิดเป็นมนุษย์  บุญใครอยากได้ต้องทำเองทำแทนกันไม่ได้  แต่โมทนาได้  น้อมจิตร่วมยินดีกับบุญที่ผู้อื่นทำอานิสงก็เหมือนเราทำเองนะ  ตั้งใจเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวันครับ  ชีวิตเราเกิดมาไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซนต์  หรือเลวร้อยเปอร์เซนต์  มองดูตัวเองว่าเรายังเลวเรื่องไหนก็แก้ไขเสียทีละเล็กละน้อยค่อยๆทำไป  ผมนี่ก็ยังเลวอยู่มากแต่ก็ค่อยๆแก้ไขให้เลวน้อยลง  ยกตัวอย่างได้หลายๆคนที่เข้ามาฝึกมโนมยิทธิ  หลายคนเลวน้อยลงไปมาก  ผมมองได้จากคนที่ผมฝึกมโนมยิทธิให้  นี่ล่าสุดหลังจากไม่ได้สอนใครมานานกว่า10เดือนจนมาสอนพ่อโต้ง พ่อของข้าวหอม หุ้นส่วนน้องชายผม  ไว้จะมาเล่าในโอกาสต่อไป  วันนี้ก็ขอจบเรื่องเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้…สวัสดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top