ตอนที่ 47

by admin

ตอนที่ 47

by admin

by admin

ผมมันดื้อ

สวัสดีท่านผู้อ่านวันนี้ตรงกับวันที่ 25 เมษายน  2556  เวลา 21.37 น.  เดิมทีนี่พิมพ์เล่าในเฟสบุคแต่ดันกดผิดไปปิดซะ  เลยเซ็งไปเล่าในนี้ก็ได้  เวลานี้ผมมาทำงานที่เชียงใหม่อีกวาระหนึ่ง  ปีนี้มาเสียหลายวาระ  ที่มานี่ไม่ได้มาแรดมาทำงานจริงๆเดือนที่แล้วดันได้งานที่นี่เดือนนี้ต้องมาส่งของพร้อมกับเสนองานใหม่ไปด้วย      ความจริงผมไม่ต้องมาก็ได้ให้ไอ้อุย ณ หนองหอย จัดการแทนได้  แต่ก็นะมันโทรมาบอกพี่ๆงานแอร์ที่ผมไปรับซองให้น่ะเขานัดดูสถานที่  ไอ้ผมก็กะนั่งเทียนดูขี้เกียจไป    เพราะเพิ่งกลับมาไม่ถึงอาทิตย์ต้องไปอีกแล้ว  

คืนนั้นผมก็จับภาพพระจนใสแล้วดูว่างานนี้ผมต้องไปมั้ยจะได้มั้ย  แต่ก่อนนี่ถามเทวดา  หลังๆไม่กล้าถาม  ไอ้ที่ไม่กล้าถามก็เพราะมันละอาย  เมื่อปลายปีที่แล้วผมมาเสนองานที่เชียงใหม่ งบ1,400,000 ไอ้เราก็เชิญท่านมาถาม ท่านมาก็ล่อเข้าให้ คุณงานนี้คุณไม่ได้หรอก  นั่นปากรึ  มาตั้งไกลทำกำลังใจเสียหมด  ใจผมนี่กะยื่น 800,000 มั่นใจได้งานชัวร์  แต่เออลดลงหน่อยซัก 780,000ละกัน  ท่านมองผมแล้วก็บอก  คุณนี่ถ้าคุณต้องการงานนี้ราคาต้องต่ำกว่านี้  ผมก็หันไปมองหน้าท่าน  เออก็ได้วะ เหลือ 740,000 ละกัน  ท่านก็บอกหากคุณต้องการงานนี้ต้องต่ำกว่านี้  ผมถามเอาได้งานต้องลงราคาเท่าไหร่  ท่านว่า หกแสนเศษ  บ้าไปแล้ว  นี่งบ1,400,000 นะ ไม่เอาต่ำกว่านี้ผมไม่ทำ  เออดูเรียกท่านมาดันไปเหวี่ยงใส่ท่าน   หกแสนไม่ทำแน่ผมล่ะเซ็งแต่ก็ลงราคาที่ผมต้องการไม่เชื่อท่าน  สุดท้ายคนได้งานก็หกแสนปลายๆ  แต่ผมก็ไม่เอานะต่ำเกินเหลือกำไรไม่คุ้มค่าเหนื่อย  นั่นวาระนึง  อีกวาระนึงก็ช่วงต้นปี  ผมมายื่นซองเชียงใหม่พอดีพี่ติ๊กแกโทรมา บอลๆดูราคาให้พี่หน่อย  พี่จะยื่นซองลำปาง  เวลานั้นผมเพลียมากดูคราวๆให้แก  เห็นว่าไม่ได้งาน  เลยถามแกว่ายื่นเท่าไหร่  แกบอกล้านนึง  ผมดูต่อ  อันนี้ใช้ญานนะ  ใช้กำลังตัวเองที่มันอ่อนเพลีย  เห็นตัวเลขว่า6แสน  อีตอนนั้นบอกแกว่าคนได้งาน6แสนนะพี่ไหวมั้ย   อีกใจกลัวโดนด่าเหมื่อนที่เราเหวี่ยงเทวดา  เลยบอกแกว่าพี่ขอนอนพักแป๊บเดี๋ยวดูแบบเต็มๆตั้งใจดูให้   ผมก็นอนครับ  พักจนหายเพลียก็ขึ้นไปหาพ่อเทวดาเจ้าเก่า  ท่านบอก6แสน ถึงจะได้  เลยบอกพี่ติ๊กไป  เป็นผมก็ไม่กดต่ำเหมือนกัน  นั่นเป็นวาระที่สองและเป็นครั้งสุดท้ายที่ถามราคาเทวดา  นี่ถ้าเป็นหวยรวยตาย  เออนะรวยแล้วตายก็อดใช้ความรวย  หลังๆผมก็เลยใช้ญานตัวเองกะถามไอ้ภพ ณ หนองหอยบ้างเป็นบางครั้ง    แต่ครั้งนี้ไม่ได้ถามแต่ดูเอง

ก็ตกลงว่าไปก็ไป เชียงใหม่ใกล้ๆจากรังสิตไปก็ 5ชั่วโมงเศษ  ผมนี่เป็นคนขับรถเร็วเป็นพิเศษด้วยความที่ชอบเป็นผู้นำเลยห้ามใครแซง  ขับไปนี่ไม่มีคันไหนแซงผมได้ซักคัน  แซงมันทุกคัน  ถามว่าประมาทมั้ยผมเนี้ยไม่ประมาทนะตายเป็นตายอย่าพิการ ก็เลยเหยียบมันซะเกือบๆ200กม./ชม.  จะได้ตายไม่เหลือซาก  ขับไปนี่ฟังเสียงหลวงพ่อบ้างเพลงบ้าง หลักๆนี่ฟังหลวงพ่อซะมากกว่า  ฟังไปยิ้มไปขำไปคล้ายคนบ้า  เออบางทีท่านก็ฮาดี  บางทีท่านก็ดุ  บางที่ท่านก็เมตตา  เออพูดเรื่องนี้แทรกซะหน่อย  บางเรื่องผมฟังนะเรื่องเดิมแต่เนื้อหามันเหมือนไม่เคยฟัง  ฟังอีกครั้งจำไม่ได้ว่าฟังแล้ว แปลกดี  หรือขี้ลืม  เอ้ามาเข้าเรื่องต่อไหลไปไหนอีก  ถึงไหนแล้ว  เอางี้เล่าไปเรื่อยๆละกันดีมั้ยมั่วๆดี  ทนอ่านก็แล้วกันนะ  มาถึงเชียงใหม่ไอ้อุย ณ หนองหอย ก็นิมนต์มานอนบ้านมัน  ไอ้เราก็เห็นในน้ำใจไมตรีนอนฟรีไม่เสียตังค์ก็จัดไป   มีเด็กช้างเผือกมาเยี่ยมเยือน   ก็พากันไปกินนู้นกินนี่

วันจันทร์ผมก็ชวนไอ้อุย ณ หนองหอย  ไปดูงานแอร์กัน  มันส์ครับหลังๆไม่ค่อยออกโรงเอง  ปกติให้คนอื่นดู  บางทีก็ไม่ดูใช้เดาเอา  ครั้งนี้ดูเองก็จัดเต็มไปเปลี่ยนสเปคเขาซะหมด  พูดจนแอร์ยี่ห้อโนเนมของผมเข้าได้  กรรมการก็เออออไปกับผม  ความจริงนี่ผมใช้หลักวิชาการน่ะ  นานๆจะมีซักที  ดูจบก็คิดว่าเอองานนี้น่าทำ  ง่ายดี  งบ500,000 ยื่นเท่าไหร่ดี    คืนนั้นก็ใช้ญานครับดูเอง  ตอนแรกก็กะๆเอาซัก460,000ละกัน  แต่ก็นะมันใกล้งบเกินไปเลยตั้งกำลังใจใหม่  ตอนนั้นมีความรู้สึกว่าได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร    หวยเลยออกมา 445,000 ราคานี้ได้งาน  ผมหันไปถามไอ้อุย  เอ้ยมึงว่า445,000ได้งานมั้ย  เออแม้งนั่งเล่นเกมส์  จิตหนัก  เมามันส์กะการฆ่าตัวห่าไรซักตัวในเกมส์     หันมาตอบนิ่มๆน่าจะได้นะพี่    เออกูจะเชื่อดีมั้ยเนี้ย  อีกใจผมคิดนะว่ากดแบบได้ชัวร์ๆต้อง 420,000  น่าจะชัวร์สุด    แต่สุดท้ายเชื่อทิพจักขุญาน    ก็ยื่นไปผมได้งานครับมีทั้งหมด 3 ราย  ไอ้วันเปิดซองนี่เจ้าหน้าที่เรียกให้เข้าไปฟังผลเปิดซองด้วย  ไม่มีใครมาซักคนมีผมไปรายเดียว  คุยไปคุยมาอีตอนแรกต่อราคาผมก็ลดให้ 440,000ถ้วน  จากนั้นก็คุยไปเรื่อย   ผมคงคุยสนุกเลยให้ผมแก้ราคาเป็น 498,000 บาท  เออแปลกมั้ยล่ะ  แต่แลกกับการเพิ่มบีทียูของแอร์อีก 80,000 บีทียู  และให้อยู่ในงบ  อันนี้ทำผมกำไรเพิ่มขึ้นหลายหมื่นบาท  ก็แปลกดีมันแปลกนะครับ  ราชการนี่เขาอิงเอกสารเป็นหลัก  แต่เขาเห็นว่าเขาได้ประโยชน์กับราชการผมก็ได้ประโยชน์  win win ทั้งคู่  มาเชียงใหม่เที่ยวนี้ค่อนแฮปปี้หน่อย  อีกงานนึงที่ทำให้ผมต้องมาคือส่งรถจักรยานยนต์  

ตั้งแต่ผมขายมาเนี้ยไม่เคยมีงานไหนที่ไอ้รถยี่ห้อนี้จะส่งงานได้แบบสะดวกโยธิน   เดี๋ยวสตาร์ทไม่ติดมั่ง  เกียร์เข้าไม่ได้มั่ง  เบรคไม่อยู่มั่ง  เครื่องสั่นมั่ง  เออๆเอาๆแบบนี้ตายๆ  คนซื้อไปขี่เตรียมตายได้เลย  แต่มาพักหลังเขาก็พัฒนาขึ้นมาบ้าง   ครั้งนี้ก็เลยส่งงานราบลื่น  แถมยังซื้อเพิ่มอีก 3 คัน  ไอ้ที่ซื้อเพิ่มนี่ไม่ใช่เพราะรถสวยนะ  เขาก็ให้ยื่นซองแข่งกันใหม่นั่นแหละไอ้เราก็เอาใหม่  จับภาพพระใส่เป็นประกายพฤก  ดูราคาเลขที่ออก  เห็นเท่าไหร่ใส่ไปเท่านั้น  แบบนี้ก็ง่ายไม่ต้องสงสัย  ไม่ต้องคิดแต่ความจริงไอ้ที่ได้งานเนี้ยมันก็เป็นโชคลาภนะ  โชคลาภนี่ไม่จำเป็นต้องเล่นหวยรวยเบอร์  แทงมวยรวยบอล   โชคของผมนี่งานล้วนๆผมมันประเภทแทงพนันขันต่อนี่ไม่เอาเลย  การพนันกับผมนี่หันหลังใส่กัน  หวยก็ไม่ซื้อ  เรียงเบอร์ก็ไม่เล่น  มันน่าจะเป็นเหตุมาจากผมทำงานหาเงินมาตั้งแต่เด็กครับ  เด็กแค่ไหนรึ  เท่าที่จำได้นี่  น่าจะมัธยมต้น  คุณพ่อผมเป็นอาจารย์  ผมก็จะรู้จักอาจารย์ที่เป็นเพื่อนพ่อแทบทั้งนั้น  เมื่อก่อนเพื่อนๆพ่อเรียกผมว่า  เสียมศักดิ์  เออมันมีที่มาที่ไปนะเสียมศักดิ์เนี้ย   มันอย่างงี้นะ  เมื่อสมัยที่แม่ท้องผมเนี้ยพ่อผมหาได้ธรรมดาไม่  มักไปกินเหล้ากับเพื่อนๆอาจารย์ด้วยกัน  มีวันนึงแม่ท้องแก่ละนะ  พ่อหายจ้อยไปไหนซักที่จำไม่ได้  แม่ผมก็มือนึงจับแฮนด์จักรยาน  อีกมือถือเสียม  ปั่นจักรยานหาพ่อจนเจอ    แหมพอเจอเท่านั้นแหละเสียมนี่ไล่จ้วงๆๆๆ   เล่นเอาหนีซะแทบไม่ทัน  เพื่อนซี้พ่อก็เลยตั้งชื่อให้ว่าเสียมศักดิ์  ตอนเกิดมา   ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นลุงขุม  หรือ อ.สุขุม  เฉลยทรัพย์  ที่แกทำดุสิตโพลนั่นแหละครับ  จึงเป็นที่มาของชื่อว่าเสียมศักดิ์  นี่นอกเรื่องไปไกลนะเนี้ย  ผมโตขึ้นมาแบบแวดล้อมไปด้วยครูอาจารย์เพื่อนๆพ่อ  ก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูมักได้เงินกินขนมอยู่บ่อยๆ  บางท่านก็เมตตาหางานให้  มาๆบอลล้างรถให้ลุงเดี๋ยวลุงให้เงินกินขนม   แหมเป็น CAR CARE BOY ตั้งแต่เด็ก  ขอบอกนี่ไม่ธรรมดานะสมัยนั้นได้เงินตั้ง 100 บาท  

สมัยเด็กๆนี่ผมโดนแม่ตีบ่อยมาก  เรียกว่าดื้อเงียบ  แอบกวนโมโหออกจะบ่อยตอนนี้ก็ยังเป็นนะ   แต่ตอนนี้นี่หนักกว่าเดิมกวนตีนขึ้นมากจากตอนเด็ก  เวลาโดนตีนี่  ไอ้ที่โดนประจำจะเป็นไม้แขวนเสื้อ  แม่เจ้าโคตรเจ็บแสบถึงทรวง  บางทีบางเรื่องไม่น่าโดนตีก็หาเรื่องจนโดนตีน่ะ  มันต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะหยุดกวนโมโหได้  บางทีก็ไม้กวาด  แต่ถ้าทำไรผิดๆมารู้ตัวว่าโดนแน่นี่แม่จะเตรียมก้านมะยม  ผมก็จะแกล้งอาบน้ำนอนเร็วกว่าปกติ   ไอ้ก้านมะยมนี่ถ้าโดนฟาดมันจะแสบจี๊ดปรี๊ดสมองมาก  เจ็บๆคันๆ   โตมาก็พัฒนาเลิกกวนโมโหแม่มากวนประสาทเมียแทน   จากที่เคยโดนไม้กวาดก็โดนเตารีดเขวี้ยงใส่หัว  บ้างก็โทรศัพท์เครื่องละสองสามหมื่น   แม่คุณเขวี้ยงใส่ไม่เลี้ยง   เบาหน่อยก็รีโมททีวี   บางทีก็ส้นสูง  เออแต่ละอย่างนี่นะ  เพราะปากเสียอย่างเดียว  ยั่วโมโหกวนประสาท  กวนตีน  มีครบในตัวผม   เอาง่ายๆแม่งดื้อ  มันดื้อจริงๆ  แต่ที่จะสยบความดื้อของผมได้นี่ครูครับ  ผมนี่กลัวจริงๆ  เกลียดที่สุดคือตอนให้ไปโชว์เพื่อนทำบททดสอบหน้าห้อง   มันเลยเป็นการบังคับสยบความแสบลงไปได้บ้างแต่ก็นะ  บางทีอาจารย์หันหลังผมก็ย้ายเก้าอี้หนีไปหลังๆ  ผมเป็นคนที่โชคดีอย่างนึงคือเพื่อนไม่ดีผมไม่คบเลยครับ  เลือกคบเพื่อน  มันเลยเป็นส่วนนึงที่ทำให้ผมไม่กินเหล้า  สูบบุหรี่  และเล่นการพนัน     แต่ความแสบผมยังไงก็ยังแสบ

โตมาก็เรียนมหาลัยที่พ่อสอน  ก็เรียนกับเพื่อนพ่อทั้งนั้น   ไอ้เราก็ต้องขยันเป็นพิเศษ  เกรงจะเสียชื่อมีพ่อเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์   บางวิชาก็เจออาจารย์พิเศษจากที่อื่นมาสอนบ้าง  คะแนนไม่ดีให้ตกยกห้อง  เพื่อนผมนี่ปีแรก 50 คนโดนรีไทร์ไปเหลือสิบกว่าคน  เออแล้วมันจะจบกี่คน  หลังๆเค้าก็ยุบห้องอื่นมารวมกัน  ไอ้ผมก็เล็งแล้วว่าเจอแบบนี้อีกพวกเราจะมีภัย  ใครสวนไม่รู้เรื่องแล้วขู่จะให้ตกบ้างไรบ้าง  ผมก็จะเป็นคนเจรจาครับ  อาจารย์ครับพวกผมจ้างอาจารย์มาสอนให้รู้เรื่องเพราะพวกผมไม่รู้  ถ้าอาจารย์คิดว่าไม่สามารถสอนพวกผมให้รู้เรื่องได้ก็พิจารณาตัวเองครับ   เออดูดินี่แหละผม อาจารย์ที่สอนก็มักจะเกรงใจผมเพราะผมเรียกคณะบดีว่า ลุง  รองอธิการยันอธิการไม่เรียกลุงก็อา  แบบมาเฟียบ้างบางคราว   บางวิชานี่ยากจัดเรียนทำบ้าอะไรหาความร้อนค่าความสูญเสียในสายส่งแรงสูง  กูไม่ได้อยากจะรู้   พอยากเกินก็จดครับ  จดโพยซะเหน็บไว้ใต้หัวเข็มขัดบ้าง  ใส่ในถุงเท้าบ้าง  บางวิชาเจออาจารย์เก๋าเกมส์  ตรวจโพยก่อนสอบ  ก็ต้องอาศัยเพื่อนที่มันเก่งๆ  บอกมึงไม่ส่งให้ลอกโดนตื๊บนะมึง   เห็นมั้ยแต่ละอย่างนี่แสบๆทั้งนั้นแต่เรื่องชกต่อยตบตีนี่ไม่มี   มันมีไม่ได้ต้องรักษาภาพพจน์   แหมนะลูกอาจารย์หนิ    

มาวันนี้ย้อนดูตัวเองในวันนั้น  หลายอย่างเปลี่ยนไปแต่มีอย่างนึงที่ไม่เปลี่ยนคือกวนโมโห  และดื้อ  ไม่รู้เป็นไงกวนใครไม่ได้ก็กวนคนใกล้ตัวให้มันปวดหัวเล่นอันนี้มันแก้ยากแต่ก็จะลองพยายามแก้ดู   ความจริงนี่ผมเป็นคนขี้หงุดหงิด  แต่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเอ้ายังไงชักงง  ที่เป็นก็เพราะมันเหนื่อยง่ายร่างกายไม่ดี

หายใจสั้น  มันก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆใครเป็นเมียก็ต้องเข้าใจไม่ใช่ทำใจ   เค้าเรียกว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า  ผมว่าถ้าผมแก้อารมณ์เดี๋ยวบ้าเดี๋ยวดีได้นี่คงดีไม่น้อยความจริงนะ  คนเราไม่มีใครเกิดมาดีพร้อมร้อยเปอร์เซนต์   มันจะมีส่วนที่ดีและไม่ดีผสมปนเปกัน  เวลาเรามีแฟนมีเมียมีครอบครัว  ให้เรามองด้านที่ดีให้มากกว่าด้านที่ไม่ดี  ทะเลาะกันก็ให้นึกถึงสิ่งที่เขาทำเพื่อเราถ้านึกแล้วไม่มีเลยก็อย่าอยู่กับมันเลย    ในสังคมเราปัจจุบันนี้มีปัญหาเยอะแยะมากมาย  ยาเสพติด  นร.ตีกัน  คนทะเลาะกัน ยิงกัน  ฆ่ากัน  ปัญหาต่างๆเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย  ถ้าเรารักกัน  ให้อภัยกัน  ดูแลกัน  สังคมก็จะน่าอยู่มากขึ้นครับ…..วันนี้ก็ขอจบการบ่นแต่เพียงเท่านี้  สวัสดีปีใหม่ไทยครับ….

ข้าพุทธเจ้าขออ้างคุณพระรัตนตรัย  มีองค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน  พระพุทธทีปังกร   ท้าวสหัมบดีพรหม   ท้าวสักกะเทวราช   ท้าวมหาราชทั้งสี่  มีหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงเป็นที่สุด  ขออำนวยอวยพรให้ท่านผู้อ่านมีสุขสวัสดิ์  เจริญด้วยลาภ  มิขาดทรัพย์  ดับโรคา  มหาสงกรานต์อันเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ของขาวไทย   ร่ำรวย  มั่งมี   พร้อมด้วยอริยทรัพย์  รักษาไว้ซึ่งศีล  สมาธิ  ปัญญา   พาตนให้เข้าเส้นทางที่พระราชพรหมยานท่านวางไว้  เพื่อพวกเราเหล่าลูกหลานกลับบ้านหาท่านพ่อกันในชาตินี้  เราพูดดังๆให้ดังไปสามโลกว่าพวกเราลูกท่านพ่อจะไม่มาเกิดอีก  ไม่เอาแล้ว  ไม่มาแล้ว  สุดท้ายนี้ขอให้ท่านนึกถึงความตายไว้เสมอ  หมั่นรักษากำลังใจเพื่อพระนิพพาน  ชีวิตมนุษโลก  เทวโลก  พรหมโลกไม่เอาแล้ว พวกเราลูกหลานพระราชพรหมญานจะไม่มาเกิดอีกต่อไป

เรามีจุดเดียวคือพระนิพพานสวัสดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top