ช่วงนี้บ้านเมืองไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่. คนเรานี่แปลกครับดูข่าวไปก็เอาแปลกจริงคนสมัยนี้ห่วงทรัพย์สินเงินทองมากกว่าชีวิตตัวเอง. ยึดที่วัตถุเสียมากยอมเสี่ยงภัยเฝ้าทรัพย์สินของตนที่ไม่ใช่ของตนแม้แต่กายยังไม่ใช่ของเราไม่มีอะไรเป็นของเรานอกจากจิต
ท่านถึงได้บอกว่าผู้ปฏิบัติเท่านั้นที่จะอยู่รอดปลอดภัยไม่แปลกใจเลยครับเพราะผู้ปฏิบัติท่านเหล่านั้นเขาไม่ยึดวัตถุ. ดูข่าวไปเห็นใจไปครับบางท่านปลงได้บางท่านร้องไห้ฟูมฟายให้คนอื่นช่วยนี่แหละครับที่เขาเรียกว่าคนมันคนกันมั่วไปหมด น้ำท่วมปีนี้แค่น้ำจิ้มครับปีหน้านี่ของจริง ขอให้มีสติอยู่กับตัวและผ่านมันไปให้ได้ทำได้แค่ส่งกำลังใจครับ
พล่ามมานานเกือบจะลืมมีเรื่องอยากจะเตือนท่านผู้อ่านกันสักนิดครับก่อนเตือนก็ขอเล่าเรื่องราวต่างๆให้อ่านก่อนก็แล้วกัน
เมื่อวานนี้มีโอกาสไปฝึกมโมยิทธิที่สระบุรีแหมพักหลังนี่ไปไม่เคยฝึกเลยครับ. ที่ไม่เคยฝึกก็เพราะอจ.ท่านให้ผมไปฝึกให้ท่านอื่นที่มาฝึกครั้งแรกส่วนท่านก็สอนญาน8สำหรับคนที่ได้แล้ว อจ.ท่านคงคิดในใจไอ้นี่ได้แล้วมันจะฝึกอะไรของมัน. ผมมันประเภทกลัวเสื่อมครับฌานโลกีย์นี่เอาแน่ได้ซะที่ไหนเผลอเมื่อไรเป็นเสื่อมก็เลยต้องกระตุ้นกันเรื่อยๆเสื่อมเมื่อไรเอากลับมายากครับ ไหลอีกแล้วเอ้าเมื่อวันเสาร์ที่ 8ตุลาคม มีท่านผู้สนใจมาฝึกมโนมยิทธิกัน2คนต่างคนต่างมาไม่รู้จักกันครับก็ผู้ชายทั้งคู่ ไอ้ผมนี่ก็กะว่าคงไม่มีใครมาเพราะน้ำท่วมเล็งว่าจะซัดคนเดียวสัก3ชั่วโมงว่าจะไปหลายที่ทั้งเขาไกรลาศ. เมืองพญานาค เมืองลับแลบนเขาใหญ่ ไปดูนางเมขลา แหมหลายครับแต่ไม่ชอบไปคนเดียวกลัวนิวรณ์แทรก อย่างน้อยเอาอจ.ท่านไปด้วยก็ชัวร์ดีครับ ความจริงเมืองพญานาคนี่เคยไปมาแล้วครับแต่ที่อยากไปอีกก็ต้องการไปพบท่านมุจรินทร์. เอ้านอกเรื่องเสียอีก. วันนั้นทั้งสองคนมาน่านับถือครับมารถตู้ประจำทางแล้วมาต่อวินเข้ามายังศูนย์ ตั้งใจเขาเป็นกันแบบนี้ครับ. อย่างนี้ตั้งใจจริง.
ผมก็เนียนเสียกะว่าคราวนี้จะฝึกร่วม ที่ไหนได้อจ.ท่านบอกเอ้าแยกกันฝึกนะ (คิดในใจอดแล้วกู)แต่ชอบครับบุญใหญ่ไม่ได้เที่ยวก็ได้บุญใหญ่ก็เอา ผมนี่ก็ลืมถามชื่อคนที่มาฝึกอีกแหมแย่จริง หลังจากพิธีรีตรองจบ. ก็ให้เขานั้งสมาธิประมาณ15นาที ระหว่างนั้นเห็นอจ.อีกท่านนึงท่านเป็นผู้หญิงครับชื่ออจ.วิ ผมก็เดินไปคุยกับท่าน แหมท่านผู้อ่านครับการสนทนาระหว่างผมกับท่านนี่ เหลือคำบรรยายจริงๆเล่าไปหลายคนที่ไม่เคยปฏิบัติไม่เชื่อจะมาปรามาสครูบาอาจารย์ผมเสีย ก็ขอเล่าคราวๆเป็นขนมก็แล้วกัน.
ผม:สวัสดีครับอจ.
อจ.วิ:สวัสดีคะเป็นไงอยากเจอมากไม่ได้เจอ(หัวเราะ)
ผม:งง แป็บนึง นึกขึ้นได้ครับว่าเมื่อ2อาทิตย์ก่อนผมมาเห็นรถท่านจอดอยู่ก็อยากจะลองคุย
กับท่านบ้างเพราะไม่ค่อยได้คุย ก็เดินหาท่านหาท่านไม่เจอก็เห็นว่าเย็นแล้วและวันนั้นผม
ต้องไปกรรมฐานที่วัดเขาวงต่อก็เลยไม่ได้รอพบท่าน
อจ.วิ:อยากเจอดีนักหนีเลย(หัวเราะ)
ผม:เวลานี้ผมทึ่งกับทิพจักขุญานของท่านครับแจ๋มจริงๆ กำลังจะอ้าปากคุยต่อ
อจ.วิ:เดี๋ยวๆนะโทรศัพท์จะเข้า
ผม:เอ๋อ. ครับท่านรู้ก่อนว่าโทรศัพท์จะดังเล่นเอาผมชักสนุกแล้วงานนี้ต้องคุยกันยาวท่านคุย
อยู่พักนึงครับพอวางสายหันมาบอกผมว่าดีๆต้องให้ใสเป็นประกายแบบนี้ดีมาก
เวลานี้ยี่งสนุกใหญ่ครับที่ว่าสนุกนี่หมายถึงท่านรู้ว่าภาพพระที่ผมจับอยู่เป็นปกตินี่สีใส
แบบไหนสว่างเป็นประกายแก้วดาวระยิบระยับ. ท่านเห็นใจรู้จิตผมครับ ผมขนลุกครับ
งานนี้ของจริงอีกแล้วครับ
อจ.วิ:กำหนดไว้ข้างหน้าลูกขยายอีกลูกอีกนิด
ผม:ท่านเห็นพระในใจผมให้ผมขยายท่านก็เห็นว่าผมขยายหน่อยเดียวที่นี้ท่านให้ขยายใหญ่
แล้วคลุมตัวผมครับ
อจ.วิ:ใจเบามั้ยสบายมั้ย
ผม:เบาครับ สบาย
อจ.วิ:ดีลูกรักษาอารมณ์เบาๆสบายๆไว้ท่่ทำอยู่ดีแล้วแต่ต้องให้ใจเบาสบาย
ผม:เวลานี้ใจมันสบายครับ เสียดายต้องกลับไปฝึกให้พ่อหนุ่มนั้นต่อเลยคุยแป็บเดียว
จากนั้นผมก็พาพ่อหนุ่มนั้นไปยันนิพพานได้ขากลับพาไปหาพ่อผมท่านท้าวอินทรชิต พ่อหนุ่มนี่ใช้ได้ครับจิตดีของเก่ามี ตอบได้ถูกต้องหมดว่าอยู่พรหมชั้นไหนเป็นอะไรกับผมแจ๋วครับ
ออ พ่อหนุ่มนี่ไม่เคยอ่านกระทู้ผมครับไม่เคยเข้าเวปนี้. พอแก่เจอหลวงพ่อที่วิมานนี่น้ำตาซึมครับ ฝึกกันราว2ชั่วโมง พอฝึกเสร็จก็ถามไถ่ได้ความว่าไม่เคยรู้จักหลวงพ่อมาก่อนแต่ก่อนหน้านี้ไปเรียนบาลี นักธรรมหรืออะไรสักอย่างญัติๆนี่แหละแล้วสงสัยอย่างรู้เรื่องนรกสวรรค์ก็ค้นคว้าจนเจอหนังสือหลวงพ่อแล้วได้มาฝึกนี่แหละครับ จากนั้นก็แผ่เมตตาแล้วก็นั่งคุยกับอจ.ชนะต่อคุยไปคุยมาวกมาเรื่องอจ.วิ ผมบอกอจ.ชนะว่า อจ.วินี่ทิพจักขุญานแกสุดๆเลยครับ อจ.ชนะท่านว่า ใช่อจ.วิท่านเก่งมากเจโตท่านดีมาก
ผมก็เอาล่ะอย่างนี้ต้องขอเทคนิคเสียหน่อยกำลังฝึกเจโตอยู่แกก็หายอีกคราวอดคุยต่อ. จากนั้นก็แยกย้ายครับอจ.ชนะท่านฝากพ่อสองหนุ่มติดรถกลับกทม.ด้วย ขากลับก็คุยกันเรื่องปฏิบัติ เจ้าพ่อหนุ่มที่ผมฝึกให้นี่พูดถึงพระรูปหนึ่งขึ้นมาท่านมรณะภาพแล้วนะครับ. พอพูดชื่อปุ๊บ ทิพจักขุญานผมแสดงภาพเลยครับเป็นภาพพระรูปนี้เปลือยกายแล้วมีไฟเผาอยู่ รู้ได้ด้วยจิตว่าท่านลงอบายภูมิ เวลานั้นตกใจครับพระรูปนี้มีชื่อเสียงมาก ทำไม่ภาพขึ้นมาแบบนั้นกลัวว่าผมจะปรามาสท่านเสียแล้ว. วันรุ่งขึ้นก็มีโอกาสได้คุยกับอจ.ผมเล่าให้ท่านฟังท่านก็บอกว่าไม่ผิดที่เห็นนั้นถูกต้องแล้วเพราะพระรูปนั้นปรามาสพระพุทธเจ้า
ท่านผู้อ่านทั้งหลายครับโทษของการปรามาสพระพุทธเจ้านี่หนักครับขนาดพระสงฆ์ยังลงอบายภูมิ หากใครเคยก็ขอขมาพระรัตนไตรเสียนะครับขอพระพุทธเจ้าท่านทรงอดโทษเราคำขอขมาหาได้ในเวปนี้ครับกราบพระเมื่อไหร่ขอขมาเมื่อนั้นครับส่วนวันนี้เจออจ.วิแหมท่านให้เทคนิคเพียบครับไว้จะมาเล่าให้ท่านผู้อ่านนำไปใช้ก็จะเกิดประโยชน์มาก
วันนี้ก็ขอลาไปเพียงเท่านี้ครับ…สวัสดี
09-10-2011, 11:20 PM