ตอน 32

by admin

ตอน 32

by admin

by admin

วันนี้ก็จะเล่าเรื่องทริปการฝึกมโนมยิทธิ..สงครามช้างเผือกครั้งที่1

จุดเริ่มต้นแห่งสงครามครานี้ เกิดจากน้องๆที่เชียงใหม่สนใจจะฝึกก็จัดไปอย่าให้เสียศรัทธา ผมเดินทางวันเสาร์เช้าครับถึงสนามบินตอนตี4เศษแหมมาเช้าจัด

หลังจากจัดแจงเสร็จก็เดินเล่นครับ พอดีน้องคนนึงโทรมาครับน้องนั้งเครื่องไปพร้อมกับผม คุยไปคุยมาหลวงพ่อท่านมาก็บอกว่าทุกคนที่มาตั้งใจมาและอยากให้ผมเต็มที่ก็รับปากท่านครับ มาถึงเชียงใหม่ก็ได้พี่หมู ท่านแม่ทัพน้อยจัดม้ามารับและเดินทางไปยังวัดโขงขาว

มาถึงก็เจอพี่ๆน้องๆนั่งกันหน้ามึนๆงงๆ สงสัยจะงงไอ้นี่หรอจะมาสอนมโนยิทธิ ผมทักทายทุกคนที่มาและทักทายที่ไม่ใช่คนที่มาก็มาก จากนั้นก็ลุยกันครับรายละเอียดการฝึกขอไม่เล่านะครับเอาไว้ให้เจ้าตัวมาเล่าเองรอบแรกไปได้เกือบหมดยกเว้น2คนครับ ก็จัดไปครับอัดพลังส่งกระแสให้ไป2คนพอใจเบาสบายก็ไปกันได้

การมาเชียงใหม่คราวนี้ผมมีเรื่องประเภทอภินิหารและเหลือจาเชื่อมาเล่าหลายเรื่องครับ ออคราวนี้พระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ผมเหมือนเดิมและหลวงพ่อท่านก็อยู่ด้วยตลอดการฝึกครับ

การฝึกในช่วงกลางวันและกลางคืนมีเทวดา พรหม นาค นางไม้ มาชมบารมีพระพุทธเจ้ากันมากครับบางท่านสัมผัสได้ว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นมากันมากมาย โชคดีของทริปเราครั้งนี้ครับวัดนี้เป็นของเราล่อญาน8ตั้งแต่3ทุ่มยันตี4 แต่ครั้งนี้ผมเตรียมพร้อมครับอัดแบรนด์ไปร่วม10ขวดครับหากฉีดเข้าเส้นได้คงฉีดไปแล้วครับทำให้ผมมีแรงเหลือลุยได้ไม่จำกัด

เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปวัดพระพุทธบาท4รอย ผมนอนไปราว2ชั่วโมงเศษก็ตื่น. ช่วงหลังมานี่นอนน้อยครับแต่ไม่ยักง่วงที่ไม่ง่วงก็น่าจะเป็นเพราะทรงอารมณ์ฌานได้อาการง่วงนอนจึงไม่มีแต่อารมณ์ดีทั้งวันครับหัวเราะได้ทั้งวัน วันอาทิตย์ทุกคนได้มโนมยิทธิบางคนแจ่มใสบางคนได้แค่ความรู้สึกแรกครับ หลังจากลุยกันมาทั้งคืนวันนี้มีไปกราบพระพุทธบาท4รอยครับ ระหว่างทางก็คุยไปใช้ญานดูนู้นนี่นั้นไป ฮากันไปครับ

จนไปถึงวัดแหมเทวดามากจริงๆครับวัดนี้คล้ายว่าท่านจะทราบก็มาทักทายกันมากครับ. จากนั้นก็ไปสักการะรอยพระบาทครับ และไปกราบพระพุทธเจ้า28พระองค์ ออก่อนไปกราบพระพุทธเจ้า28พระองค์ พอดีว่ามีรูปหล่อหลวงพ่อท่านอยู่ แวบแรกมองก็อ้าวท่านมาจริงหรือเราคิดไปเอง ผมเห็นรูปหล่อท่านเป็นหลวงพ่อท่านมานั่งอยู่ครับ ผมคลานเข้าไปกราบที่ตักท่านครับท่านลูบหัวด้วยความเมตตาแล้วพูดกับผมว่าดีลูกดี และสอนผมเรื่องการรักษาอารมณ์พระอริยเจ้าผมกราบท่านในท่าเดิม. จุกลำคอ น้ำตาไหล หลายคนในทริปหากใช้มโนมยิทธิดูก็จะทราบครับว่าท่านมาจริงมั้ย จากนั้นแวะอีกสองสามวัด

กลับมาถึงวัดโขงขาวราวบ่าย3โมงครับ กลับมาก็จัดเต็มกับน้ำมนต์ให้ท่านที่ถูกลมเพลมพัดและถอนของไม่ดีออกจากร่างกาย น้ำมนต์นี่เป็นวิชชาของอิสลามครับ จากนั้นก็ช่วงสุดท้ายเป็นการสรุปผลการปฏิบัติและชาร์จแบต แหมอีตอนนี้หลายคนชอบครับเรียกคิวกันรับกระแส บางท่านผมก็ให้กระแสเบาสบาย บางท่านผมก็จัดไปเอาแบบได้แล้วน้ำตาไหลจุกลำคอ บางท่านก็ได้ทั้งสองอย่าง จัดเต็มครับ ใครจะว่าอวดเก่ง อวดฤทธิ์ อะไรก็ตามใจท่านนะแล้วแต่จะคิดกัน

อยากรู้ก็ไปถามท่านที่ได้รับและกันนะว่าเค้ารู้สึกแบบไหนกันบ้าง จากนั้นก็แยกย้ายครับ ผมตัดสินใจยังไม่กลับและคิดว่าจะอยู่ต่ออีกเพราะไม่รู้จะกลับไปทำอะไร. มีคณะช้างเผือกติดตาม8ชีวิต ก็ไปเที่ยวกันครับ ไปวัดถ้ำเมืองนะ ไนท์ซาฟารี ปาย วัดพระนางจามเทวี พระพุทธบาทตากผ้า. พระธาตุลำปางหลวง ดอยสุเทพ. เยอะครับคุ้มแหละ ผู้ติดตามที่ตามผมไปนี่ได้ฝึกต่อกันหมด ผมก็จัดสรรแบบจัดเต็ม.

มีหลายเรื่องครับที่ว่าอภินิหารบ้าง แสดงอะไรที่พิสดาร ให้ผู้ติดตามได้ดูได้ฝึก สนุกกันมากและมันส์มากมาย เช่น การระลึกย้อนอดีตที่เมืองปายครับแหมที่นี่เร้าใจมาก เป็นสถานที่ๆคณะเราเคยมาพักแรมเมื่อสมัยปราบกบฎเมืองย่อยๆหน้าด่าน พวกเราที่มาเคยก่อกองไฟนั่งคุยกันครับ ขณะนั้นผมยกทัพมาราว500คนเศษ แต่ไม่ต้องการรบเพราะเหมือนมาตายครับมากันแค่500จะไปสู้เมืองที่มีกำลังราว2-3พันได้ยังไง ก็เลยวางแผนกันครับว่าจะเจรจาจะเห็นสมกว่าแต่หากเจรจาไม่สำเร็จก็ต้องสู้ตายคล้ายเหมือนมาตายกันนั้นแหละครับ

ในคืนวันนั้นก็คุยกันครับว่าเราทั้งหมดจะมีชีวิตรอดมานั้งคุยกันแบบนี้อีกมั้ย มีการบอกกล่าวเทวดาบริเวณนั้นครับ แหมความจริงเทวดาท่านมาหาผมก่อนตั้งแต่ก่อนเข้าพักที่รีสอร์ทนี้อีกครับท่านมา3องค์ ท่านเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช มาเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นผมได้บอกกล่าวเหล่าเทวดาที่ดูแลเขตบริเวณนี้ไว้ให้ท่านช่วยเหลือคุ้มครอง ก็แปลกดีครับ คืนที่นอนที่เมืองปายเราฝึกมโนมยิทธิกันครับคืนนี้รีสอร์ทเป็นของเราไม่มีใครก็ดีหน่อยแหมไปที่ไหนคนแตกตื่นกันครับ. สงสัยคณะเราจะบ้าๆบอๆเพี้ยนๆ ฮากันไป คืนนี้การฝึกผ่านไปได้ด้วยดี

จากนั้นก็ปล่อยโคมลอยกันครับ ช่วงปล่อยโคมลอยนี่ผมก็รอให้เค้าปล่อยกันไปอ้าวจังหวะเหมาะโคมเหลือก็อธิษฐานร่วมกันครับ เวลานี้ผมก็กล่าวนำครับแหมพระท่านมาเรียกชื่อผมพอดีก็เลยเอาชื่อที่พระพุทธเจ้าท่านเรียกครับ ใช้กล่าวนำอธิษฐานนำขอบารมีพระพุทธเจ้านำและขอเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย พูดถึงชื่อนี่ก็แปลกครับผมเพิ่งได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกก็งงๆครับปกติพระท่านจะเรียกผมว่าเธอแต่คราวนี้ท่านเรียกชื่อ มาล่าสุดน้องคนนึงที่มาฝึกในทริปมาพบผมเพื่อฝึกญาน8 น้องคนนี้ไม่ได้ไปเมืองปาย ผมก็เอาเลยครับให้น้องเค้าถามพระว่าท่านเรียกชื่อผมว่าอะไร น้องท่านนี้ตอบชื่อผมถูกตามที่พระท่านเรียก หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ทึ่งกับความสามารถของน้องท่านนี้ นานๆผมจะเจอคนที่คุยกับพระได้และวางอารมณ์ได้ แหมถ้ารู้ว่าชาจทแบตให้แล้วทุกคนคล่องตัวแบบนี้ คงต้องชาจทกันหมดทุกคนกระมัง

ขากลับก็แวะเที่ยวตามทางครับจนมาแวะทานกาแฟร้านนึง ร้านกาแฟร้านนี้สวยมากครับผมเอารูปลงเฟดไว้ไปดูกันได้ พอสั่งกาแฟเสร็จ ผมก็เดินดูรอบๆมีเทวดาชั้นจาตุท่านมาพบครับท่านว่าท่านปกครองดูแลเขตนี้อยู่ เจ้าที่ก็มาพบครับคุยกันเรื่อยเปื่อยไป ระหว่างคุยอยู่มีภาพอุบัติเหตุรถตู้สีขาวแหกโค้งเข้ามาที่ร้านและมีคนได้รับบาดเจ็บมาก เทวดาองค์นั้น ออ ผมลืมถามชื่อท่านเสียด้วย ท่านบอกว่าผมเนี้ยช่วยได้ ก็ถามท่านครับว่าช่วยยังไงท่านบอกว่าผมทราบดีอยู่แล้ว นั่นล่อผมเข้านั่น ท่านรู้วาระจิตผมครับ ผมก็ลงมือเลย เดินจงกลมดึงสมาธิให้เข้าฌาน พักเดียวเมื่อรู้สึกว่าเข้าฌานได้ถึงที่สุดแล้ว ผมใช้คาถาพระพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ก็เดินเป่าเพี้ยงๆๆไปเรื่อย คนเห็นคงคิด แหมยังหนุ่นยังแน่นไม่น่าบ้าๆบอๆ เป่าเสร็จก็คิดครับหลวงพ่อท่านเคยบอกว่าการที่เราจะทำอะไรไว้เพื่อคุ้มครองคนอื่นนี่อย่าใช้กำลังตัวเอง

ท่าจาจริงเพราะตัวผมยังคุ้มครองตัวเองไม่ได้ ก็เอาใหม่ครับทีนี้ก็ใช้มโนมยิทธิแหละครับขึ้นกราบพระพุทธเจ้าข้างบน จากนั้นขอบารมีพระองค์สงเคราะห์ เวลานี้ผมใช้มโนมยิทธิแบบเกือบเต็มกำลังและลืมตา ผมกำหนดโดยการอฐิษฐานสร้างกำแพงขึ้นมาเป็นแนวยาวครับ เดิมทีตั้งใจให้กำแพงนี้เป็นสีแก้วคล้ายกำแพงวิมานพระพุทธเจ้า แต่นี่ครั้งแรกครับ ผมกำหนดขึ้นเป็นกำแพงคล้ายกำแพงเมืองมีหลายชั้น มีความรู้สึกว่าเออ ง่ายดีจังแค่กำหนดกำแพงมาจากนั้นอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านคลุม เวลานี้มากันอีกครับ เทวดา พรหม นางไม้ เจ้าที่ เจ้าเขา ท่านมากราบสักการะบารมีพระพุทธเจ้า กำแพงนี่ผมกำหนดเสร็จจะเป็นสีน้ำตาลครับออกทองๆ พอ พระท่านช่วยตอนนั้นก็เป็นสีแก้วระยิบระยับมีสีรุ้งล้อมรอบครับ พอเสร็จผมเห็นเป็นสีขาวแทน เลยไม่รู้ว่าตกลงเอาไงแน่ ตอนนี้เริ่มชักมันส์ครับ ผมเดินเข้าไปถามคณะที่มาด้วยกันว่าเห็นอะไรมั้ย บางคนเห็น บางคนไม่เห็น บางคนบอกเห็นเมือง บางคนบอกเห็นกำแพง

เออ ใช้ได้ๆ ไม่เสียแรงฝึก ระหว่างที่ผมยืนคุยนั้นมีน้องท่านนึงอยู่ใกล้ผมครับ น้องท่านนี้บอกครับว่าผมเดิมมาอยู่ใกล้ๆแล้วมีความรู้สึกวูบวาบ ขนลุก และสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง

ผมกำหนดดูผลงานชิ้นล่าสุดอีกครั้งครับ เออดีกว่าผมทำเองเยอะ อีแบบนี้ช่วยปกป้องคุ้มครองคนได้จริงๆ ผมดูต่อครับว่ากำแพงนี่จะอยู่ไปนานแค่ไหน แหมขอไม่บอกแล้วกันนะ

การมาเชียงใหม่ครั้งนี้ชาวคณะที่ติดตามก็เหมือนหนูลองยาแหละครับผมก็ลองไปเรื่อยไม่รู้นึกพิเรนพิสดานอะไรขึ้นมา มีอยู่วันนึงครับวันนั้นกลับจากการกราบหลวงตาม้า มานั่งกินข้าวกันกินเสร็จผมก็นึกสนุกครับถามทุกคนว่าอยากเห็นเมืองสุโขทัยสมัยก่อนมั้ย แหมตอนนี้งงกับผมแหละครับ ผมบอกว่าผมจะเอาเมืองเชียงใหม่สมัยก่อนนั้นมาวางไว้บนโต๊ะที่เรากินข้าวกัน

เอาแล้ว..ตื่นเต้นกันแหละครับเวลานี้ชาวคณะเริ่มสนอกสนใจ ผมก็จัดเต็ม อะไรประเภทพิสดารนี่ผมรู้เองว่าต้องกำหนดยังไงทำยังไง เออ แปลก ผมให้ทุกคนทำอารมณ์ใจเบาๆสบายๆ จากนั้นผมก็เอาเมืองเชียงใหม่ออกมาวางบนโต๊ะกินข้าวครับ เมืองที่เอาออกมาวางนี่เป็นภาพ4มิติ ย้ำอีกครั้ง4มิติ น้านเป็นไง ท่านผู้อ่านคงจะงงๆว่าเป็นยังไง หากท่านเคยดูหนังเรื่อง ไอร่อนแมนภาค2 ภาพจะลอยแบบในหนังเรื่องนี้เลยครับ

เวลานี้ทุกคนเห็นเมืองกันครับอธิบายได้ถูกต้องหมด ออ เค้าลืมตากันหมดเลยนะครับเห็นแบบลืมตานี่แหละ ที่นี้ชักสนุกครับ เอามาทุกเมืองเลย ทั้งเชียงใหม่ อยุธยา ดูกันไปเล่ากันไป เอ้าเด็กเสริฟกับเจ้าของร้านชักงง เออไอ้พวกนี้ท่าจะบ้ากันทั้งคณะ ชี้ว่าเจดีย์อยู่ตรงนี้ วังอยู่ตรงนั้น เออเอาเข้าไป ใครเห็นก็งงแหละครับบ้าๆบอๆกันหมด แต่คณะเรานี่สิสนุกกันมากครับทำไปทำมาก็นึกสนุกครับ

ที่ว่านึกสนุกนี่ก็เพราะน่าจะแจ่มถ้าผมเอามาใช้ร่วมกับเจโตของผม ซึ่งปกติเจโตผมนี่ยังงูๆปลาๆอยู่ หากเอาความคิดคนอื่นดึงออกมาแล้วทำเป็นภาพ4มิติดูบนโต๊ะนี่คงมันส์มากกกแต่ติดตรงที่ว่าถ้าดูคงต้องดูคนเดียวก็ลองเลยครับ ผมนี่มันประเภทจะทำอะไรต้องทำให้ได้ความมุ่งมั่นสูงยิ่งเรื่องเจโตนี่แหมชอบบมากกกก ชาวคณะผู้ใกล้ชิดจะทราบดีครับว่าทำไมผมชอบฝึกเจโตและฝึกทุกวันซ้อมทุกวันเรียกได้ว่าไม่มีเบื่อกันเลยทีเดียว ก็ลองเลยครับเอาความคิดผุ้อื่นขณะนั้นมาวางบนโต๊ะแล้วดู เออแจ๋วจริงๆ ชาวคณะที่ไปกับผมบางทีเห็นผมนิ่งๆยิ้มคนเดียว ขำคนเดียว ก็คงคิดครับ เออพี่บอลนี่เป็นเยอะ เออพี่แกบ้ารึ แต่ก็อยากจะรู้ว่าผมเห็นอะไรมั่ง ใครถามก็ไม่บอกหรอกครับ ได้มโนมยิทธิแล้วดูเอง อย่าถาม ก็รวมความว่าได้ของเล่นใหม่มาครับ

ออพูดถึงหลวงตาม้าแล้วขอซักนิดนะ วันนั้นคณะเราไปกราบหลวงตาที่วัดครับไปถึงยังไม่พบหลวงตา ภาษาพุทธเรียกติดเพล หรือเปล่าไม่แน่ใจ พวกเราก็นั่งสมาธิฝึกมโนมยิทธิกันในถ้ำไปดูนู้นนี่นั้นกัน วันนี้พระศรีท่านมาหาตั้งแต่ตอนเดินทางเลยครับ มาถึงวัดก็พระศรีท่านอยู่ หลวงพ่อท่านมา พอหลวงตาท่านขึ้นมา ท่านมองจ้องมาทางผมครับ ชาวคณะคงเห็นแต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ความจริงที่ท่านมองน่ะท่านมองพระศรีที่อยู่ข้างๆผมครับและท่านน้อมจิตกราบ จากนั้นตามท่านไปที่กุฏิเพื่อรับลูกประคำ ท่านเดินไปหยิบและเดินออกมามองหน้าผมอีกรอบท่านเดินตรงมาที่ผมและคล้องให้ผมก่อนตอนนั้นแหมปลื้มใจครับ

พระอีกรูปนึงที่คณะผมได้ไปกราบพร้อมกับคณะศูนย์พุทธศรัทธาคือ ครูบาอริยชาติ ที่เชียงรายครับ พระท่านอายุยังน้อยแต่บารมีมากมายครับ ท่านพุทธภูมิครับ เป็นพระอีกรูปที่จ้องตาผม ออขอขยายความอีกนิดนะความจริงพระกับผมนี่คุยกันยากเพราะผมใช้ภาษาคุยกับพระไม่เป็นเกรงว่าคุยไปคุยมาพระท่านจะงงๆกับผมว่าทำไมคุยแปลกๆ ซึ่งปกติหากเลี่ยงได้จะไม่ค่อยคุยกับพระครับ แหมเคยหน้าแหกมาแล้วครับกราบเสียสวยงามเชียวดันไปคุยกับคนข้างๆให้ท่านได้ยินว่าใกล้เที่ยงแล้วเดี๋ยวท่านต้องไปกินข้าวก่อน ท่านก็มองแบบงงๆ เออผมเลยเลือกที่จะเลี่ยงหากต้องคุยกับพระ แหมบางที่ก็จะเอาราชาศัพท์มาคุยกะท่าน เอ้าต่อ

ท่านเป็นพระอีกรููปที่มองแล้วมีความสุขใจปีติ ครับชาวคณะได้มากราบและร่วมทำบุญกับท่าน

มีอยู่ช่วงท่านมองอ.ชนะ แล้วก็บอกเกี่ยวกับอ.ชนะ แหมท่านก็ใช้เจโตนั้นแหละครับ ท่านว่าอ.ชนะนี่เมตตาสูง ไม่คิดร้ายกับใคร ท่านพูดเยอะนะแต่จำไม่ได้ ระหว่างที่ท่านสอนอยู่นั้นท่านมองผม2ครั้งครับครั้งแรกมองผ่านไปแล้วกลับมามองใหม่ ออ ผมไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะครับ แค่มองจริยาท่านแล้วน่ากราบจากนั้นมีอยู่ช่วงท่านพูดของท่านไปแต่ท่านก็มองไปทางอื่นแต่ท่านหมายถึงผมครับผมน้อมจิตฟังแล้วยิ้ม ท่านพูดเรื่องที่ท่านสอนผมเสร็จท่านก็หันมามองอีกครั้งแต่ครั้งนี้มองตาและมองนานครับ แหมปีติครับ ปลื้มใจ ขอน้อมกราบท่านอีกครั้งแบบสนิทใจครับ

ทริปสงครามช้างเผือกนี่น่ารักกันทุกคนครับ อบอุ่น หลายคนรู้สึกครับว่าเหมือนรู้จักกันมานานสนิทใจ และสนิทกันไว้มากก ก็ไม่แปลกสำหรับผมครับ เราเกี่ยวเนื้องกันเราถึงได้มาเจอกันและปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ในทริปนี้ทุกคนรู้จักพระนิพพานมากขึ้นกว่าเดิม สัมผัสได้ถึงความเมตตาที่หลวงพ่อท่านมีต่อพวกเราทุกคน เมื่อทุกท่านยอมตายเพื่อพระพุทธเจ้าและพระนิพพานได้ ผมจะยอมตายเพื่อสอนท่านให้รู้จักทางไปพระนิพพาน หากท่านไม่ทิ้งพระ พระจะอยู่กับท่านเสมอ และที่สำคัญคือท่านพ่อจะอยู่กับลูกหลานท่านเสมอครับ….

13-01-2012, 07:54 PM

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Top