อรหันต์ชั่วคราว
สมเด็จองค์ปฐมทรงตรัสสอนปกิณกะธรรมไว้ มีความสำคัญดังนี้
๑๔. อรหันต์ชั่วคราวก็คือ จิตว่างจากกิเลสชั่วขณะจิตหนึ่งเป็นขณิกอรหันต์จงอย่าดูหมิ่นในอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ หากทำให้บ่อยๆ จิตก็จักชินการสะสมอารมณ์ก็เหมือนกัน ตักน้ำเติมใส่ตุ่มนั่นแหละ เต็มเมื่อไหร่ก็จบกิจเมื่อนั้น ยิ่งฝึกฝนตอนเช้ามืด ถ้าจิตสงัดจากกิเลสได้ถึงที่สุดแล้ว วันนั้นทั้งวันจักมีอารมณ์ดีมาก ไม่เชื่อให้ลองทำดูอานิสงค์ของการปฏิบัติได้มากด้วย ก่อนนอนก็ให้ทำอย่างนี้ด้วย เพื่อให้จิตทรงตัวดีขึ้น เวลาเวทนาเกิด ให้แยกออกมาเสีย ดูมันไปเฉยๆ จักเห็นสภาวะธรรมของเวทนาตามความเป็นจริงมีเวทนา มีโรคก็รักษามันไปตามหน้าที่ เป็นการบรรเทาทุกขเวทนา แต่จิตอย่าไปเกาะ-อย่าไปกังวล-อย่าไปผูกพัน เห็นเป็นธรรมดาของมัน และรู้อยู่เสมอว่านี้ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่มัน มันไม่มีในเรา เราไม่มีในมัน แต่จงอย่าคิดว่าเราจักทำได้ทุกวัน แต่ให้พยายามทำให้ได้ทุกวัน
๑๕. การรักษาโรค มีความจำเป็นจักต้องมี ให้ถือว่าเป็นธรรมดา แล้วปล่อยวางโดยไปหาหมออากาศแปรปรวนให้ระวังสุขภาพของร่างกายเข้าไว้ด้วย อย่าปล่อยให้ทรุดหนัก จักเยียวยายาก
๑๖. ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยงให้รักษากำลังใจอยู่ในความไม่ประมาทเข้าไว้ อย่าให้จิตคลาดจากความดี รักษากำลังใจให้ตั้งมั่นเข้าไว้ให้ยอมรับนับถือทุกอย่างตามความเป็นจริงเอาไว้เสมออย่าไปมองกรรมภายนอก คือ โทษคนอื่นทำให้เกิดกรรมเช่นนี้ ให้โทษกรรมภายในคือเราเท่านั้นเป็นผู้ทำให้เกิดกรรมเช่นนี้ แล้วโทษจริงๆ ก็เนื่องมาจากการยึดขันธ์ ๕ เป็นสำคัญ ให้พิจารณาตามนี้ จักเห็นตัณหาทะยานอยากในจิตได้ชัดเจน หมั่นชำระจิตให้สะอาดเท่าที่จักทำได้เอาไว้เสมอ เป็นการตัดการไปยุ่งกับจริยาของผู้อื่นลงเสีย
๑๗. โรคที่เป็นอยู่ ไม่ใช่โรคที่หายง่าย เพราะเรื้อรังมานานร่างกายก็เป็นเช่นนี้แหละ จงอย่าคิดให้หายจากโรคเหล่านี้ จงคิดว่าร่างกายมันเป็นอย่างนี้ เป็นรังของโรค เอาความเป็นโรคมาพิจารณาตั้งแต่วันที่เกิดมาหรือเท่าที่จำได้ ความเป็นโรคย่อมเกิดขึ้นกับร่างกายมาโดยตลอดจุดนี้ให้มองตามความเป็นจริง จักได้เกิดความเบื่อหน่าย ไม่ต้องการในร่างกายอย่างนี้อีก
๑๘. ให้รักษากำลังใจต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่มุ่งเข้ามาเบียดเบียนร่างกาย และให้เห็นเป็นธรรมดาของการมีขันธ์ ๕ ก็ต้องเป็นไปด้วยเหตุนี้ ไม่มีใครจักได้รูปอันสมความปรารถนาที่จักไม่ให้แก่-ไม่เจ็บ-ไม่ให้ตาย จงเห็นธรรมดาของรูปว่าเป็นอย่างนี้แน่นอน ไม่มีทางที่จักเป็นอย่างอื่นไปได้ ร่างกายย่อมเป็นธาตุ ๔ ประชุมกันขึ้นมาแล้ว มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ จงอย่าฝืนความเป็นจริงของร่างกาย
๑๙. ให้เห็นผลในธรรมปัจจุบันเป็นสำคัญอดีตและอนาคตนั้นเป็นเพียงการผ่านไป และยังมาไม่ถึงเท่านั้น ให้รักษาอารมณ์ให้จริงอยู่กับการอยู่ในปัจจุบันเสมอ จึงจักมีผลสมบูรณ์ดูคนอื่นเขาเป็นครู จงอย่าตำหนิกรรมเห็นธรรมดาของผู้ประมาทอยู่ในธรรม เช่น บางผู้รู้จักอยู่อีก ๕ ปี แล้วคิดว่าจักตายเมื่อ ๕ ปีนั้น บางคนจักขออยู่อีก ๑๐ ปี แล้วจึงตาย ผู้ไม่ประมาทกลับคิดว่าจักตายอยู่ในปัจจุบันนี้เสมอไม่มีการคิดว่า ๕ ปี หรือ ๑๐ ปีตาย ให้เข้าใจอารมณ์ของจิตเสียอย่างเดียว การปฏิบัติธรรมก็ได้ผลโดยง่ายอย่าทิ้งการพิจารณาอารมณ์
๒๐. อย่าห่วงใคร ให้ห่วงจิตใจของตนเองเป็นสำคัญขึ้นชื่อว่าร่างกายย่อมมีการสลายไปในที่สุด รักษากำลังใจให้คลายจากความกังวลทั้งปวง
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
…………………………………..
ที่มาของข้อมูล
หนังสือธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้นเล่ม ๑๔ เดือนกรกฎาคม พศ ๒๕๔๔ ตอนสอง
หนังสือ “ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น ทุกเล่ม
หาข้อมูลศึกษาได้จาก…….
http://www.tangnipparn.com/page_book_all.html
ต้องขอโมทนาทุกท่านที่ช่วยเผยแพร่ผลงานของพระพุทธเจ้าหรือหลวงพ่อหรือพระอริยเจ้าทั้งหลายในทุกรูปแบบทั้งทางหนังสือและอินเตอร์เน็ต
ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆท่านครับ